“ชูวิทย์” ส่งหลักฐานแฉทุนจีนสีเทาให้ก้าวไกล
ก้าวไกลรับหลักฐานแฉทุนจีนสีเทา ‘โรม’ เผยตั้งทีมเก็บข้อมูลอยู่แล้ว เตรียมจัดหนักอภิปราย 152
วันที่ 11 มกราคม 2566 นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล และ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล รับเอกสารหลักฐานกรณีทุนจีนสีเทา จากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส. โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนเดินหน้าเปิดโปงเครือข่ายทุนจีนสีเทามาตลอด 3 เดือน ตอนนี้อายุสภาก็ใกล้หมดแล้ว แต่กลับยังไม่มีใครให้ความสนใจ สะท้อนการไม่เอาใจใส่ปัญหา โดยเฉพาะปัญหาในวงการตำรวจ เมื่อพิจารณาแล้วเห็นเลือดใหม่ คือ รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล จึงต้องการนำประเด็นนี้ให้รังสิมันต์นำไปอภิปรายตรวจสอบต่อ โดยข้อมูลและรายละเอียดที่นำมามอบ ยังไม่เคยใช้และเปิดเผยที่ไหนมาก่อน
“ผมนำข้อมูลต่างๆ มาให้คุณรังสิมันต์พิจารณา การจะรับหรือไม่รับก็เป็นสิทธิ ผมเป็นประชาชน เมื่อไม่มีใครติดต่อผม ผมก็ต้องมาที่สภานี้ด้วยตัวเอง ในฐานะที่คุณรังสิมันต์พูดเรื่องตำรวจ พูดเรื่องความผิดปกติของสังคมไทย หนึ่งในนั้น ผมแน่ใจว่าเป็นเรื่องนี้” นายชูวิทย์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขอขอบคุณชูวิทย์ ข้อมูลที่นำมาให้เหมือนเป็นการฟ้องรัฐบาล ถ้ารัฐบาลเลือกยุบสภาก่อนแสดงว่าข้อกล่าวหานี้เป็นความจริงใช่หรือไม่ รัฐบาลต้องคิดให้ดี ประเด็นการเปิดโปงขบวนการทุนจีนสีเทานั้น ตนและพรรคก้าวไกลสนใจเรื่องนี้และได้ตั้งทีมศึกษารายละเอียดของขบวนการดังกล่าวแล้ว ยืนยันจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อนำมาอภิปรายในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 โดยขอให้ประธานและรองประธานสภาที่ควบคุมการประชุม ให้ความมั่นใจแก่เราว่ากำลังทำหน้าที่เพื่อประชาชนและประเทศ และเห็นถึงความจำเป็นที่การพูดเรื่องนี้จะต้องเอ่ยถึงบุคคลที่สาม เนื่องจากประเด็นทุนจีนสีเทาเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก
“เทคนิคประจำที่ใช้ในสภาคือการประท้วง เป็นรูปแบบที่ไม่สร้างสรรค์ เราในฐานะผู้อภิปรายจะทำให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด แต่ถ้ามีความจำเป็น พรรคก้าวไกลและผมก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหากมีการฟ้องร้อง เราไม่กลัว เพราะก่อนจะมีการอภิปรายเรื่องใด เรามั่นใจว่าได้ตรวจสอบข้อมูลหลักฐานอย่างเต็มที่แล้ว หากมีการดำเนินคดีก็พร้อมอภิปรายเรื่องนี้ต่อในศาล” นายรังสิมันต์ กล่าว
โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ขอให้มั่นใจว่านอกจากเรื่องนี้ พรรคก้าวไกลจะอภิปรายประเด็นอื่นที่มีความแหลมคม เชื่อว่าไม่มีใครปิดปากเราได้ ไม่ว่าจะเป็นตน หรือ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน และเบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ถูกดำเนินคดีฟ้องร้องโดยนักการเมือง แต่ก็ปิดปากเราไม่ได้ เพราะพวกเราพรรคก้าวไกลทำหน้าที่เหมือนเป็นวันสุดท้ายเสมอ เราไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย สิ่งที่เราทำได้คือทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนกรณีที่มีหลักฐานพบว่าหลานชาย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีส่วนเกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทา พรรคก้าวไกลจะติดตามเรื่องนี้เพื่อนำไปใช้ในการอภิปรายทั่วไปมาตรา 152 อย่างแน่นอน
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตั๋วช้างภาค 1 และภาค 2 หรือเรื่องขบวนการค้ามนุษย์ที่ผ่านมา ต้องอาศัยพลเมืองดีแบบนี้ในการนำข้อมูลมาให้เรา เพราะเราทำหน้าที่ในสภา ไม่มีทางรู้เนื้อหาสาระ ความอัปลักษณ์และการทุจริตในสังคมไทยมากเท่ากับคนที่อยู่ในระบบ ในส่วนของคุณชูวิทย์ ด้วยการทำหน้าที่ในหลายบทบาท ผมเชื่อว่าคุณชูวิทย์เข้าถึงข้อมูลจำนวนมากที่เป็นประโยชน์แก่สังคมไทย” รังสิมันต์กล่าว
ด้านนางอมรัตน์ ได้ทวงถามความคืบหน้าและความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาการทุจริตและทุนจีนสีเทา จาก พล.อ.ประยุทธ์ ว่า การเปิดตัวพรรคทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ท่องคาถา ‘รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์’ และ ‘ประเทศไทยต้องไปต่อ’ หมายถึงจะให้ประเทศไทยไปต่อกับทุนจีนสีเทาหรืออย่างไร ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ หมดความชอบธรรม เพราะทำตัวผิดมารยาททางการเมือง ด้วยการกระโดดหนีตายไปพรรคทหารพรรคที่ 2 และพัวพันกับคดีการทุจริตต่างๆ โดยเฉพาะการทุจริตในกองทัพ ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
“การทุจริตทุนจีนสีเทา ที่ หลาน พล.อ.ประยุทธ์ อาจมีส่วนด้วย เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถาม พล.อ.ประยุทธ์ก็สะบัดหน้าหนี เป็นการสร้างวัฒนธรรมที่เราจะต้องขับเคลื่อนด้วยการด่า ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง เป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว ดิฉันขอเรียกร้องสำนึกและความรับผิดชอบที่นักการเมืองที่ดีพึงจะมี ขอให้ท่านที่มีความทะเยอทะยานสูง แต่ความสามารถต่ำ กล้าเผชิญหน้าตอบคำถามทุกคำถามที่เราได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อเป็นแบบอย่างของผู้นำที่ดี” นางอมรัตน์ กล่าว