“ดร.เอ้” โชว์วิชั่น ประเทศต้องการความเปลี่ยนแปลง หลังเลือกตั้ง
“ดร.เอ้” โชว์วิชั่น ประเทศต้องการความเปลี่ยนแปลงหลังเลือกตั้ง นโยบาย ไม่ใช่แค่ฟรี แต่ต้องมีคุณภาพ
วันที่ 17 พ.ย. ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าทีมการศึกษาทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเวทีเสวนารัฐศาสตร์วิชาการ ซึ่งจัดโดยคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในหัวข้อ “เลือกตั้งครั้งต่อไปประเทศไทยเอาไงต่อ” โดยระบุว่า วันนี้เราจำเป็นต้องมองช้ามช็อตให้ได้ในเรื่องต่อไปนี้ 1. ทุกคนต้องมีความหวัง ทุกพรรคการเมืองในวันนี้ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงจะเริ่มต้นไม่ได้ถ้าไม่มีความหวัง 2. การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น จะต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นพลังบวก 3. การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในการเลือกตั้งนั้นจะต้องเป็นไปเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น 4. กระบวนการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มาจากกระบวนการทางประชาธิปไตยเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเราจะไม่มีทางที่ประเทศจะก้าวไปข้างหน้าได้
นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า สำหรับการหาเสียงในการเลือกตั้งเรื่องคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน นับเป็นความสำคัญอันดับ 1 ที่พรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญ เราคงจะทำให้ทุกคนมีเงินเท่ากันไม่ได้ แต่ต้องไม่มีใครขาดสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิต และนั่นคือสวัสดิการพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สิทธิมนุษยชน สาธารณสุข การศึกษา ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การเดินทาง ที่อยู่อาศัย เพื่อให้ทุกคนไม่ต้องห่วงหน้า พะวงหลัง และสร้างโอกาสให้ตัวเองได้
“คำว่าสวัสดิการของผม ไม่ใช่แค่ฟรี แต่ต้องดีมีคุณภาพ และที่สำคัญคือทันสมัย คำว่าทันสมัยนั้นสำคัญคือ ต้องเปลี่ยนแปลง ปรับแก้ให้ทันกับยุคสมัย และความต้องการของโลกที่เปลี่ยนไป คงไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปที่กลุ่มไหนเป็นพิเศษ เพราะสวัสดิการนั้น ทุกคนมีโอกาสที่จะเข้าถึงสวัสดิการเท่ากัน เริ่มจากจุดนี้ก่อน แก้จุดนี้ให้ได้ก่อน เมื่อดูแลคนได้แล้ว ในอนาคต การสร้างโอกาส หรือการพัฒนาเศรษฐกิจนั้น จะไม่ใช่โอกาสของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง”
นายสุชัชวีร์ ยังพูดถึงจุดยืนทางการเมืองของตนว่า เมื่อประเทศต้องก้าวไปข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่สำคัญคือ การเปลี่ยนแปลงนั้น ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นเชิงบวก กล่าวคือต้องดีขึ้น เป็นประโยชน์ต่อคนในประเทศ และไม่ใช่เรื่องแปลกที่แต่ละคนจะมีความต้องการต่างกัน เพราะมาจากพื้นฐานของการใช้ชีวิต ประสบการณ์ ทำให้มีความเห็นต่างกัน ดังนั้นการตัดสินใจว่าสังคมจะเปลี่ยนไปทางไหน ก็มีเครื่องมือทางประชาธิปไตยสำหรับการตัดสิน และพรรคการเมืองในฐานะตัวแทนของคนทุกกลุ่ม ก็มีหน้าที่คิดแนวทางการเปลี่ยนแปลง ซึ่งสกัดออกมาให้จับต้องได้ และต้องทำได้ไว ทำได้จริง
“นอกจากนี้ยังเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเพื่อไปสู่จุดที่ดีกว่าเดิมนั้น ยังมีอีกหลายวิธี หลายความเชื่อ ซึ่งตนก็เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองจะพยายามแสดงวิสัยทัศน์ออกมา เพื่อให้เป็นนโยบายในการพัฒนาประเทศในกระบวนการต่อไป และจะต้องให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้เลือกว่าวิธีไหนจะเป็นวิธีที่พวกเขาต้องการด้วยระบบการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย”