“อุตตม” แจงนโยบาย ‘ปุ๋ย คนละครึ่ง’ ระยะยาวหนุนตั้งโรงงานปุ๋ยแห่งชาติ
หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ขยายความนโยบาย “ปุ๋ยคนละครึ่ง” ทำควบคู่ส่งเสริมเกษตรกรใช้ปุ๋ยอย่างถูกต้องเหมาะสม ครอบคลุมทั้งปุ๋ยทุกประเภท ทั้งเคมี อินทรีย์ และชีวภาพ ส่วนระยะยาวต้องมีโรงงานปุ๋ยแห่งชาติ เพื่อดูแลเกษตรกรซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประทศ
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ผมขอขยายความนโยบาย “ปุ๋ยคนละครึ่ง” ที่อาจารย์สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ประกาศบนเวทีพบปะพี่น้องประชาชนที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันเสาร์ที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา
หลักคิดนโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง เริ่มต้นจากความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรที่ต้องแบกรับภาระราคาปุ๋ยเคมีแพงขึ้นถึง 100%-130% ตั้งแต่ต้นปี ปัจจุบันราคาปุ๋ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 30-35 บาท หรือกระสอบละ 1,500-1,800 บาท (50 กก.) ซึ่งปุ๋ยคือต้นทุนหลักในการเพาะปลูกหรือราว 30%-40% ดังนั้นหากรัฐสนับสนุนต้นทุนปุ๋ยให้ครึ่งหนึ่ง ก็เท่ากับจะช่วยให้เกษตรกรมีเงินในกระเป๋าจากการขายผลผลิตเพิ่มขึ้นอีก 15%-20%
โครงการปุ๋ยคนละครึ่งจะช่วยเหลือเกษตรกรได้มากถึง 5 ล้านคน โดยอ้างอิงจากตัวเลขเกษตรกรผู้เพาะปลูกพืชที่ขึ้นทะเบียนกับภาครัฐ ดังนั้นเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นในกระเป๋าเกษตรกร ก็จะถูกหมุนเวียนเป็นวงกว้างในระบบเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งจะเป็นผลดีต่อภาพรวมประเทศต่อไป อีกทั้งโครงการลักษณะการช่วยเหลือดูแลด้านต้นทุน จะไม่ส่งผลข้างเคียงต่อคุณภาพผลผลิต เนื่องจากเป็นการกระตุ้นเกษตรกรใส่ใจด้านคุณภาพมากกว่าปริมาณ
นอกจากนั้นโครงการนี้จะทำควบคู่กับการส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยเคมีอย่างถูกต้อง และใช้ในปริมาณที่เหมาะสม โดยมีระบบตรวจสอบแร่ธาตุในดินร่วมอยู่ในโครงการด้วย และไม่ได้ให้สิทธิ์เฉพาะปุ๋ยเคมี แต่จะครอบคลุมถึงปุ๋ยชนิดอื่นๆ เช่น ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรให้ความสำคัญกับการบำรุงดิน รวมทั้งเพิ่มการแข่งขันในตลาดปุ๋ย เพิ่มทางเลือกให้เกษตรกร โดยปัจจุบันไทยมีบริษัทผลิตจำหน่ายปุ๋ยเคมีราว 700 ราย แต่ตลาด 90% อยู่ในมือรายใหญ่ราว 10 รายเท่านั้น
เป็นที่ทราบกันดีว่า สาเหตุที่ปุ๋ยปรับราคาขึ้นอย่างรุนแรงนั้น เป็นผลกระทบจากสงครามรัสเซีย – ยูเครน ซึ่งคาดว่าจะไม่จบลงในระยะเวลาอันสั้นนี้ ดังนั้นราคาปุ๋ยก็จะยังคงตัวในราคาสูงต่อไป จึงมีความจำเป็นที่ต้องช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกเป็นการเฉพาะหน้า ขณะที่ในระยะยาวในฐานะที่ประเทศไทยมีประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม จึงควรมีนโยบายโรงงานปุ๋ยแห่งชาติ เพื่อดูแลเรื่องปุ๋ยอย่างจริงจังด้วยเช่นกัน