ศรีสุวรรณ จี้ “ยุบ พปชร.” รับเงิน 3 ล้าน จากเจ้าของผับลับจีน
ศรีสุวรรณบุก กกต.จี้สอบผู้บริจาคและพรรค พปชร.รับบริจาคเงินชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
เวลา 13.00 น. วันที่ 28 ต.ค. 65 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องชี้เบาะแสให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบ กรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนยอมรับว่า มีนายทุนจีนที่อาจแปลงสัญชาติเป็นไทย บริจาคเงินเข้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อปี 2564 เป็นจำนวน 3 ล้านบาท โดยมีหลักฐานปรากฎในเอกสาร กกต. เป็นที่รับรู้กันโดยกว้างขวางแล้วนั้น เป็นการฝ่าฝืน ม.44 ม.72 และหรือ ม.74 ของ พรป.พรรคการเมือง 2560 หรือไม่
ทั้งนี้บุคคลดังกล่าว ปรากฎเป็นข่าวหลังกรณีตำรวจบุกเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงจินหลิง ย่านยานนาวา ที่ลักลอบเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต และพบยาเสพติดหลากหลายรายการ อาทิ ยาเค, ยาแฮปปี้วอลเตอร์, ไฟว์ ไฟว์ รวมทั้งรถหรูอีกมากมาย ซึ่งบุคคลดังกล่าวยังเป็นหุ้นส่วนในบริษัทต่าง ๆ อีกหลายบริษัท ซึ่งบริษัทต่าง ๆ เหล่านั้น มีนอมินีถือหุ้นแทนต่างด้าวหรือไม่ อย่างไร เพราะอาจเกี่ยวพันและเชื่อมโยงต่อการบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองที่ปรากฎเป็นข่าวได้ ที่สำคัญบุคคลดังกล่าวแม้จะโอนสัญชาติเป็นไทยแล้วก็ตาม แต่ได้สละสัญชาติเดิมของตนแล้วหรือไม่ หรือยังคงถือ 2 สัญชาติอยู่
กรณีดังกล่าวมีกฎหมายพรรคการเมืองกำหนดเป็นข้อห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ อื่นใดจากบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทย หรือนิติบุคคลตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจหรือกิจการหรือจดทะเบียนสาขาอยู่ใน หรือนอกราชอาณาจักไทยตาม ม.74 แห่ง พรป.พรรคการเมือง 2560 อีกทั้ง ม.72 ยังห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่สำคัญใน ม.44 ของกฎหมายข้างต้น ยังห้ามมิให้พรรคการเมือง ผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมือง และสมาชิกรับบริจาค จากผู้ใดเพื่อกระทําการหรือสนับสนุนการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความมั่นคงของราชอาณาจักร ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดินอีกด้วย หากพรรคการเมืองฝ่าฝืนมาตราใดมาตราหนึ่งข้างต้น ย่อมเข้าข่ายความผิดตาม ม.92(3) ซึ่ง กกต.มีอำนาจที่จะเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งให้ยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความมาร้องเรียนและชี้เบาะแสให้ กกต.ตรวจสอบผู้บริจาคให้พรรคการเมือง และพรรคการเมืองดังกล่าว ที่อาจเข้าข่ายฝ่าฝืน พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่ เพื่อดำเนินการตามครรลองของกฎหมายต่อไป