‘เหรียญทอง’ โดนข้อหา “ลักทรัพย์” โวย ‘ชีวิตบ้าชะมัด’
‘เหรียญทอง’ เผย โดนแจ้งความข้อหา “ลักทรัพย์” โวย ‘ชีวิตบ้าชะมัด’
วันที่ 27 ต.ค. 65 พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า สน.ทุ่งสองห้อง ออกหมายถึงผมในข้อหาเป็น “ผู้ใช้ จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำผิด ร่วมกันลักทรัพย์ร้านครัวคุณปอ ที่รุกล้ำทางเท้าริมซอยแจ้งวัฒนะ 14” ทั้งนี้ สน.ทุ่งสองห้อง จะส่งตัวผมให้แก่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 ในวันที่ 3 พ.ย.65 เวลา 10.00 น.”
“ชีวิตผมนี่มันบ้าชะมัดเลยนะครับ ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ผมร่ำรวยมาจากการลักทรัพย์ร้านค้ารุกล้ำทางเท้ากันนะครับหมายเหตุ นี่คือขบวนการที่ต้องการเอาผมเข้าคุกให้ได้”
พล.ต.นพ.เหรียญทอง โพสต์ข้อความอีกว่า ผลพวงต่อเนื่องจากการปฏิบัติการ รพ.สนามพลังแผ่นดินและเครือข่าย 3,765 เตียง
1.เป็นโจทก์ฟ้องผู้บุกรุกและหมิ่นประมาท 1 คดี ศาลตัดสินให้จำคุกผู้บุกรุกและหมิ่นประมาท 16 เดือน ไม่รอลงอาญา
2. เป็นจำเลยถูกผู้บุกรุกแจ้งความและดำเนินคดี 5 คดี
2.1 คดีที่ 1 ศาลตัดสินจำคุกผม 3 ปี ปรับ 300,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี ขณะนี้ผมกำลังทำคำอุทธรณ์ขอให้ศาลยกฟ้อง เพราะข้อหาว่าหมิ่นประมาทนั้นเป็นเรื่องจริงตามมาตรา 330 และเป็นปฏิกิริยาปกป้องส่วนได้เสียตามมาตรา 329 คือ ปกป้อง รพ.สนามที่ถูกบุกรุก และปกป้องผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมากที่ต้องเข้า รพ.สนามในสถานการณ์ระบาดโควิดครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติ ระหว่าง เม.ย.-ต.ค.64
2.2 อีก 4 คดีที่เหลืออยู่ในกระบวนการยุติธรรม ผมเป็นโจทก์แค่คดีเดียว นอกนั้นผมเป็นจำเลยหมด ผมเป็นสุภาพบุรุษ ผมจึงไม่ฟ้องร้องใครพร่ำเพรื่อ เหมือนพวกกุ๊ยอันธพาลหรอกครับ
พล.ต.นพ.เหรียญทอง กล่าวว่า ล่าสุดผมตกเป็นผู้ต้องหาใช้จ้างวานลักทรัพย์ผู้อื่น จากการที่ผม “คืนทางเท้าให้แก่ชาวบ้านซอยแจ้งวัฒนะ 14”
“ผมรู้ตัวอยู่แล้วว่ามีขบวนการกุ๊ยจ้องจับผิด แต่คนอย่างผมไม่เกรงกลัว ผมถือว่าผมทำดี ทำเพื่อประโยชน์สุขแก่ส่วนรวม หากต้องโทษจำคุกก็ให้มันรู้ไป”
“ขณะนี้ผมกำลังฟ้องขับไล่ร้านค้ารุกล้ำทางเท้าประชิดรั้ว รพ.สนาม ที่ยังไม่ยอมย้ายอีก 4 ร้านค้า หากชาวบ้านซอยแจ้งวัฒนะ 14 เห็นด้วยกับผมในการ ‘คืนทางเท้าให้แก่ชาวบ้านซอยแจ้งวัฒนะ 14″ ได้โปรดอย่าอุดหนุนร้านค้ารุกล้ำทางเท้ากันนะครับ สน.ทุ่งสองห้อง และ สนง.เขตหลักสี่ ไม่อาจช่วยชาวบ้านซอยแจ้งวัฒนะ 14 ได้หรอกครับ มีผมคนเดียวนี่แหละที่กล้าทำและทำสำเร็จด้วย คอยดูกัน”