‘พิชัย’ เตือน ‘ประยุทธ์’ อย่าหลอกตัวเอง มรดกประยุทธ์เป็นภาระของคนรุ่นหลังที่ต้องมาใช้หนี้ต่อ
นายพิขัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่กระแสความนิยมของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาตกต่ำอย่างสุดขีด หล้งจากถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่และกลับมาทำงานใหม่ ขนาดตลกยังนำความล้มเหลวและข้อบกพร่องของพลเอกประยุทธ์มาล้อเลียนในทอร์คโชว์จนเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโซเชียล ซึ่งสะท้อนความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ แต่แทนที่พลเอกประยุทธ์จะรู้ตัวและแก้ไข กลับส่งคนออกมาโต้ และล่าสุดถึงขนาดให้คนของตัวเองออกมาอวยตัวเองว่าทำได้ดีทิ้งมรดกความเจริญรุ่งเรื่องให้กับประเทศซึ่งต่างกับความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึงอยากให้ข้อมูลความจริงมี่พลเอกประยุทธ์ได้ทิ้งมรดกที่เหมือนกับตราบาปของคนไทยไว้ 8 เรื่องดังนี้
1. ในช่วงที่พลเอกประยุทธ์บริหารประเทศ ประเทศไทยพัฒนาน้อยที่สุด จากตัวเลขการเจริญเติบโตที่ต่ำมาตลอด ประเทศไทยได้ฉายาเป็นคนป่วยของเอเชีย และ ถูกประเทศเพื่อนบ้านแซงทุกด้าน เป็นมรดกความตกต่ำทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
2. เป็นช่วงที่ประเทศก่อหนึ้มากสุด แต่ประเทศไม่พัฒนา มีหนี้สาธารณะทะลุ 10 ล้านล้าน กู้เงินมากที่สุด แต่ เศรษฐกิจขยายต่ำสุด ลูกหลานต้องมาใช้หนี้กว่า 5 ล้านล้านบาท หรือ กว่า 50 ปีกว่าจะใข้หนี้หมด และยังต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงสุดด้วย อีกทั้งประชาชนก็มีหนี้ครัวเรือนสูงสุดประมาณ 15 ล้านล้านบาท หนี้เสีย และ หนี้นอกระบบสูงที่สุดด้วย เป็นมรดกหนี้ล้นทะลักสำหรับคนไทย
3. ค่าครองชีพแพงสุด ทั้งราคาสินค้าและบริการ ราคาน้ำมัน ราคาก๊าซ และ ราคาไฟฟ้าแพงที่สุด เงินเฟ้อมากสุด แต่รายได้ของคนไทยไม่เพิ่มแถมลดลง อีกทั้งพอราคาสินค้าขึ้นราคาแล้วจะไม่ลงราคาอีก เป็นมรดกสินค้าแพงสำหรับคนไทย
4. ความสามารถแข่งขันของไทยที่ลดลง โครงสร้างพื้นฐานที่เสื่อมถอย การพัฒนาด้านต่างๆที่ล้าหลัง เป็นการจัดอันดับโดยองค์กรระหว่างประเทศ เป็นมรดกความเสื่อมถอยของประเทศไทย
5. อุตสาหกรรมที่เริ่มล้าสมัย ไม่มีการลงทุนใหม่ๆ นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศขาดความมั่นใจและขาดความเชื่อถือ ไปลงทุนประเทศอื่นกันหมด ทำให้การลงทุนของไทยหดหายลดลงมาตลอด เป็นมรดกที่คนรุ่นหลังต้องจำใจต้องรับต่อมา
6. คนจนพุ่ง คนตกงานเพิ่มมาก คนฆ่าตัวตายมากที่สุด แถมยังมีคนตายกลางถนนในช่วงวิกฤตโควิด มีทหารและตำรวจกราดยิงประชาชน ปัญหาต่างๆ เหล่านี้คือมรดกของปัญหาที่ทิ้งไว้ให้
7. การทุจริตคอรัปชั่น ตามดัชนีวัดขององค์กรสากล การส่งเสริมการผูกขาด การเอื้อประโยชน์แก่เจ้าสัว ซึ่งจะทำให้คนรุ่นต่อไปพัฒนาและก้าวขึ้นมาต่อยาก
8. การปิดกั้นความคิดเห็น การปิดปากห้ามวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล การจับคนเห็นต่าง การปรับทัศนคติของคนจำนวนมาก ซึ่งผมเองก็โดนมาเอง พอปิดกั้นความคิดเห็นและการแสดงออกก็จะไปปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เรื่องใหม่ๆ ธุรกิจสมัยใหม่ และนี่เป็นมรดกของการกดขี่ของประเทศไทย
นี่เป็น 8 มรดกของพลเอกประยุทธ์ที่ส่งมอบต่อให้กับคนรุ่นต่อไปของประเทศไทย ซึ่งเป็นเหมือนตราบาป ยิ่งอยู่นานประเทศไทยยิ่งเสื่อมถอย ดังนั้นการที่เข้าใจไปเองว่าเป็นมรดกความเจริญรุ่งเรืองน่าจะเป็นความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง และควรจะต้องละอายใจและสำนึกได้แล้ว
แนวทางแก้ไขก็จะต้องทำตรงข้ามกับที่พลเอกประยุทธ์ทำไว้ทั้งหมด โดยต้องเร่งแก้ไขเพื่อให้จีดีพีโต โดยต้องทำนโยบายหลายๆด้านไปพร้อมๆกัน โดยต้องสร้างความมั่นใจและความน่าเชื่อถือของประเทศให้กลับมาโดยเร็ว การสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ สร้างธุรกิจทางเทคโนโลยีใหม่ๆ การปรับประเทศเข้าสู่ระบบดิจิตอล การใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศพัฒนาสามารถเดินต่อไปได้
“เลิศศักดิ์” จี้ “ประยุทธ์” เร่งลดภาระพี่น้องประชาชน และลดต้นทุนภาคธุรกิจจากภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงปัญหาราคาน้ำมัน ไฟฟ้า และ ก๊าซ ชี้ พลังงานแพงเป็นสาเหตุเงินเฟ้อสูง แนะ เร่งปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ
นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.เลย กรรการบริหารและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เร่งลดภาระของพี่น้องประชาชน และลดต้นทุนภาคธุรกิจจากภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงปัญหาราคาน้ำมัน ไฟฟ้า และ ก๊าซ ชี้ พลังงานแพงเป็นสาเหตุเงินเฟ้อสูง แนะ เร่งปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ มรดกประยุทธ์ที่ส่งต่อความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน และโดยเฉพาะภาคธุรกิจ คือการออกกฎหมายภาษีดินและสิ่งปลูกสร้างโดยไม่รอบครอบ และบังคับใช้ในเวลาที่ไม่เหมาะสม ทั้งที่ช่วงหลังโควิดควรเป็นช่วงเวลาที่รัฐต้องช่วยผู้ประกอบการฟื้นฟูกิจการให้แข็งแรงพอที่จะเติบโตต่อไปได้ แต่รัฐบาลเลือกที่จะบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้เต็มรูปแบบจนเป็นภาระต้นทุนสำคัญของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคธุรกิจโรงแรม และธุรกิจที่ต้องใช้พื้นที่จำนวนมาก ที่ดินว่างเปล่าของคนรวยในเขตเมืองที่ควรจะสร้างประโยชน์ กลับไม่ต้องจ่ายภาษี เพียงแค่ปลูกมะม่วงมะนาวก็ถือว่าเป็นที่ดินเพื่อการเกษตร
ในขณะที่ล่าสุดผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันที่ต้องเสียภาษีตัวอาคารสถานีบริการน้ำมัน อาคารค้าปลีก ห้องน้ำและอื่นๆอยู่แล้ว และผู้ประกอบการได้ขอให้ทบทวนการจัดเก็บภาษีบริเวณถนน ลาน รั้ว ซึ่งจะได้ช่วยลดต้นทุนการทำธุรกิจได้บ้าง แต่ก็ได้รับการปฎิเสธจากกรรมการภาษี และกระทรวงมหาดไทย จึงเป็นกรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจากการที่รัฐเลือกที่จะจัดเก็บภาษีในช่วงเวลาที่ไม่เหมะสม สร้างภาระให้กับภาคธุรกิจ
นอกจากนี้ยังมีภาระหลักที่รัฐบาลนี้ไม่มีความพยายามที่จะแก้ไข เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และต้นทุนสำคัญของภาคธุรกิจ ดังที่ได้เคยอภิปรายญัตติไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฏรเรื่องราคาน้ำมันโดยเฉพาะเรื่องราคาหน้าโรงกลั่นของไทยที่มีราคาสูงกว่าราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์และสูงกว่าราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่โรงกลั่นไทยส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นการเอาเปรียบคนไทยที่ต้องซื้อราคาที่แพงกว่า ทั้งที่ต้นทุนการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางส่งมาไทยและส่งมาสิงคโปร์ก็เท่ากัน ประสิทธิภาพการกลั่นของโรงกลั่นน้ำมันของไทยกับสิงคโปร์ก็ใกล้เคียงกัน อีกทั้งโรงกลั่นไทยยังขยายการกลั่นเป็นแสนๆบาเรลต่อวัน เพื่อส่งออกโดยเฉพาะแสดงว่าราคาส่งออกก็ต้องกำไรมากแล้ว การคิดราคาหน้าโรงกลั่นไทยสูงกว่าราคาสิงคโปร์จึงเป็นการเอาเปรียบประชาชนไทยมากเกินไป นอกจากนี้ค่าการตลาดของน้ำมันยังมีราคาสูงทั้งที่รัฐบาลบอกเองว่าไม่ควรเกินลิตรละ 1.40 บาท ก็ขอให้เร่งดำเนินการ
อีกเรื่องที่เป็นปัญหาและเป็นภาระของประชาชนอย่างมากคือราคาไฟฟ้าที่สูงขึ้นมาก ล่าสุดราคาไฟฟ้าขึ้นราคาจากหน่วยละ 4 บาท เป็น หน่วยละ 4.72 บาท และยังมีแนวโน้มที่จะขึ้นราคาอีก เพราะ กฟผ. ยังมีค่าเชื้อเพลิงติดลบจากการบริหารค่าเชื้อเพลิงที่ผิดพลาดของรัฐบาลเป็นจำนวนกว่าแสนล้านบาท ดังนั้นการแก้ไขปัญหาต้นทุนเชื่อเพลิงการผลิตไฟฟ้าจึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นในการพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคต ปัจจุบันราคาไฟฟ้าของไทยแพงกว่าราคาไฟฟ้าของเวียดนามอย่างมาก ซึ่งทำให้ความสามารถแข่งขันของไทยและความน่าลงทุนของไทยลดลงมาก จึงอยากเรียกร้องให้เร่งแก้ไขทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาว รวมถึงการเจรจาแหล่งพลงงานในพื้นที่ทับซ้อนในทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา
รวมถึงราคาก๊าซหุงต้มที่พุงขึ้นอย่างมาก ราคาขึ่นจาก 318 บาท/ ถัง 15 กก. ในตอนต้นปีได้พุ่งขึ้นเป็น 408 บาท:/ ถัง 15 กก. หรือขึ้นกว่า 28% ซึ่งรัฐบาลสามารถลดราคาก๊าซได้โดยเรียกเก็บจากก๊าซที่ส่งเข้าธุรกิจปิโตรเคมี ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยทำมาแล้ว แต่ถูกยกเลิกไปหลังปฏิวัติ
ทั้งนี้ราคาพลังงานเป็นต้นทุนของสินค้าทุกชนิด และเป็นต้นทุนค่าขนส่งของสินค้าด้วย เมื่อราคาพลังงานแพง สินค้าทุกชนิดจึงขึ้นราคาตาม และทำให้เกิดเงินเฟ้อสูงมาก เหมือนในปัจจุบัน ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ได้ปรับโครงสร้างราคาของพลังงานทั้งระบบเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน และลดค่าใช้จ่ายของประชาชนที่กำลังลำบากกันอย่างมากในปัจจุบัน