ก้าวไกล เปิดแคมเปญ “รีเซ็ตประเทศไทย” ประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่
“ก้าวไกล” เปิดแคมเปญ “รีเซ็ตประเทศไทย เลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่” ล่า 50,000 ชื่อตาม พ.ร.บ. ประชามติ ชงนายกฯ จัดประชามติพร้อมเลือกตั้งปีหน้า ถามประชาชนเรื่องให้มี สสร. เลือกตั้ง มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ประหยัดงบ ดักคอ ส.ส.รัฐบาล-ส.ว. เคยรับหลักการให้มี สสร. มาแล้ว
วันที่ 7 กันยายน 2565 ที่รัฐสภา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงภายหลังรัฐสภามีมติไม่รับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อยกเลิกอำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ ที่เสนอโดยภาคประชาชน ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. เพียง 23 เสียง จาก 250 เสียง ความตอนหนึ่งว่า ผลการลงมติของรัฐสภาวันนี้น่าผิดหวังเป็นพิเศษ เพราะแม้รัฐธรรมนูญ 2560 มีปัญหาเยอะมาก แต่ข้อเสนอปิดสวิตช์ ส.ว. เป็นข้อที่พื้นฐานที่สุด และ เป็นมาตราที่ขัดแย้งต่อหลักการประชาธิปไตยมากที่สุด แต่ในเมื่อไม่สามารถตัดอำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกฯ ทันการเลือกตั้งที่จะมาถึง พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องเรียกร้องให้ ส.ว. ไม่นำตัวเองเข้ามาเป็นผู้ชี้ขาดในการจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกฯ หลังเลือกตั้ง แต่ควรเคารพและยึดตามเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่จะถูกสะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง
พิธา กล่าวต่อว่า จุดยืนที่พรรคก้าวไกลประกาศต่อประชาชนมาตลอด คือการแก้ไขวิกฤติทางการเมืองครั้งนี้ ต้องไม่ใช่แค่ “ปะผุ” หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราแล้วจะเพียงพอ แต่ต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ที่ผ่านมาการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การร่างฉบับใหม่ผ่านช่องทางรัฐสภา เจอทางตันทุกครั้ง
พรรคก้าวไกลจึงเห็นว่าต้องหา “ไพ่ใบใหม่” ที่ยังไม่มีใครเคยใช้ ด้วยการเปิดตัวแคมเปญชื่อ “RESET ประเทศไทย เลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่” ที่จะอาศัยช่องทางตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ 2564 มาตรา 9(5) เชิญชวนประชาชนอย่างน้อย 50,000 คน ร่วมลงชื่อเสนอต่อ ครม. ให้มีการจัดทำประชามติเพื่อถามประชาชน 1 คำถามสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ ว่าประเทศไทยควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ แทนที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ฉบับปัจจุบัน โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน?” โดยจะเริ่มรณรงค์ทันทีจนกว่าได้รายชื่อครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด ในระยะเวลาที่เร็วที่สุด
“เพื่อประหยัดงบประมาณ และเพื่อให้การเลือกตั้งที่จะมาถึง ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรัฐบาล แต่คือการเปลี่ยนกติกาประเทศ เราจะเสนอให้จัดประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะต้องเกิดขึ้นไม่เกินเดือนพฤษภาคม 2566” พิธากล่าว
พิธา กล่าวว่า มั่นใจว่าวิธีการนี้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และ ไม่ควรมีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ถูกคัดค้าน เพราะ (1) เป็นหนทางที่จะนำพาประเทศออกจากวิกฤตทางการเมือง นำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้จริง โดยไม่ต้องง้อเสียงเห็นชอบจาก ส.ว. (2) เป็นแนวทางที่รัฐบาลปฏิเสธยาก เพราะการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย สสร. เป็นสิ่งที่ ส.ส.รัฐบาล และ ส.ว. เคยสนับสนุน และการจัดประชามติก็เป็นไปตามความเห็นของ ส.ส.รัฐบาล และ ส.ว. ที่เคยอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อตีความว่าต้องจัดทำประชามติก่อนเสนอเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าสู่สภาในขั้นรับหลักการ (3) เป็นการทวงถามและเรียกความรับผิดชอบโดยตรงจาก นายกฯ และ ครม. ว่าจริงใจแค่ไหนกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากที่เคยประกาศว่าเป็น 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล (4) เป็นการเพิ่มอำนาจให้ประชาชนโดยตรง เพราะหากมีการจัดทำประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง และประชาชนเห็นชอบให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะมาจากขั้วไหน ก็ต้องดำเนินการตามคำสั่งของประชาชนที่แสดงออกผ่านผลประชามติ และ (5) ช่วยประหยัดงบประมาณและทรัพยากรของประเทศ เพราะจัดการเลือกตั้งและจัดประชามติในวันเดียวกันได้เลย
“พรรคก้าวไกลต้องขอแรงสนับสนุนจากประชาชน อย่าเพิ่งถอดใจ มาลงชื่อกับเรา ส่งแรงกดดันไปยังรัฐบาลให้จัดประชามติ และคืนประเทศให้ประชาชน เพื่อให้ปลายทางในปีหน้า เราจะมีความหวังได้ว่ามีสิ่งที่ดีกว่ารอเราอยู่ คือคนไทยจะได้เลือกตั้งใหม่ ได้เริ่มนับหนึ่งสู่รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนฉบับใหม่ และมีโอกาสร่วมสร้างอนาคตใหม่ของประเทศไทยอีกครั้ง” พิธา ทิ้งท้าย
พี่น้องประชาชนที่สนใจร่วมสร้างอนาคตประเทศไทยสามารถลงชื่อได้ที่