ส.ว.ผ่านฉลุย งบปี 66 วงเงิน 3.18 ล้านล้าน มติ 179 ต่อ 0
ส.ว.ผ่านฉลุย งบปี 66 วงเงิน 3.18 ล้านล้าน มติ 179 ต่อ 0
เมื่อวันที่ 30 ส.ค.65 ที่ประชุมวุฒิสภา(ส.ว.) ลงมติเห็นชอบด้วยร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว คะแนน 179 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง
โดยในการอภิปราย พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อภิปรายในมาตรา 32 งบประมาณหน่วยงานขององค์กรอิสระ โดยได้ตั้งข้อสังเกตถึงการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในประเทศไทยของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ถือเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชนจากความเดือดร้อนและความไม่เป็นธรรมของรัฐ และเป็นองค์กรที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย เพราะสามารถติดตามความคืบหน้าเรื่องร้องเรียนได้ตลอดเวลา โดยปัจจุบัน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน มีนโยบายที่จะย้ายสถานที่ทำการในปี 2567 จำเป็นต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ อาทิ การติดตั้งห้อง Data Center และการติดตั้งระบบเครือข่ายสัญญาณ แต่ในปี 2566 กลับยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณดำเนินการในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
ขณะที่ การดำเนินงานการป้องกันยับยั้งและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญและเกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนของสังคม โดยเฉพาะ ปัจจุบันเครือข่ายภาคประชาชน เริ่มมีความตื่นตัวอย่างมากในการร่วมต่อต้านและไม่ทนกับการทุจริต ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2560 ได้กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นองค์กรหลักในการขับเคลื่อนการต่อต้านการทุจริต โดยจากการติดตามผลการดำเนินงานในหลายปีที่ผ่านมา พบว่า สำนักงาน ป.ป.ช. มีพัฒนาการดำเนินงานที่ดีขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน อาทิ การขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา และการจัดตั้งกลุ่มมวลชนต่อต้านการทุจริตและปราบปรามการทุจริต ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมเป็นอย่างมาก รวมทั้งการประเมินค่า ITA ของสำนักงานฯ ที่เพิ่มขึ้น เป็นตัวอย่างที่ดีให้หน่วยงานอื่น แต่กลับพบว่า การจัดสรรงบประมาณตั้งแต่ปี 2563 -2565 ในส่วนงบแผนงานพื้นฐานและการบริหารจัดการของสำนักงานฯ ได้รับการจัดสรรงบประมาณลดลงอย่างต่อเนื่อง ไม่สอดคล้องกับผลงานที่เกิดขึ้น ดังนั้น เพื่อให้การทำงานขององค์กรอิสระทั้ง 2 หน่วยงาน เป็นไปอย่างราบรื่นไม่ติดขัดในด้านงบประมาณ จึงขอให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบให้ทั้งสองหน่วยงานด้วย เพื่อให้การให้การบริหารจัดการงานในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ