“สนธิรัตน์” แนะรัฐ 5 แนวทางพาประเทศรอดวิกฤติโลก
สนธิรัตน์ กระทุ้ง รัฐบาลเร่งเปิดลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชน สร้างโอกาสเศรษฐกิจ หยุดแจกเงินแบบหว่าน เน้นอุดหนุนให้ถูกกลุ่ม ดักคอ 8 เดือนสุดท้าย อย่าบริหารแบบหาเสียงประชานิยม
ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ร่วมนำเสนอแนวทางของประเทศไทยในสถานการณ์วิกฤติโลก ในงานสัมมนา “Thailand Survival ไทย…จะรอดอย่างไรในวิกฤติโลก” จัดโดยบริษัท เนชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยนายสนธิรัตน์ กล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในวิกฤติโคม่า และก่อนการแก้ปัญหา รัฐบาลต้องยอมรับก่อนว่าวิกฤติอยู่ตรงไหน วันนี้ หากไม่แก้ให้ตรงจุดก็จะลงลึกไปเรื่อย ๆ ซึ่งในฐานะที่ตนเคยทำงานในรัฐบาลนี้ รู้จุดแข็งจุดอ่อนของการทำงานในรัฐบาลดีและขอฝากความหวังกับ 8 เดือนสุดท้ายที่รัฐบาลต้องทำ งาน ซึ่งตนขอเสนอ 5 แนวทางไปยังรัฐบาลว่าควรทำอะไรใน 8 เดือนนี้ เพื่อรักษาสภาวะการแข่งขันและรักษาโอกาสของประเทศไทยในวันนี้และต่อไปในระยะยาว
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า 1.ต้องเร่งสร้างความเข้มแข็งจากภายใน เศรษฐกิจไทยยังไม่แย่ มากนักแต่ต้องยืนบนขาของตัวเองให้ได้ ต้องรักษาเศรษฐกิจและธุรกิจภายในประเทศให้อยู่ได้ รักษาเอสเอ็มอี และการจ้างงานของเอสเอ็มอีตัวเล็ก ๆ ให้อยู่ได้ ต้องรู้ว่าส่วนไหนที่อ่อนแอ ไปไม่รอด จะต้องเดินหน้าช่วยเหลือส่วนนั้น ซึ่งตนขอยกตัวอย่างเรื่องโรงไฟฟ้าชุมชน รัฐไม่ต้องลงทุน แต่จะหมุนเรื่องเกษตรพลังงาน ให้ชาวบ้านมีรายได้ เศรษฐกิจหมุนเวียนที่ฐานราก โอกาสแบบนี้รัฐบาลต้องคิดเป็น เอสเอ็มอีต้องรักษาไว้อย่าให้ตาย เพราะสร้างใหม่ยาก สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.) ต้องเปลี่ยนบทบาทโดยเร็ว
2.การดูแลค่าครองชีพ ปัญหาพลังงานเป็นเรื่องใหญ่มาก น้ำมัน แก๊สมีปัญหาส่งผลกระทบค่าครองชีพ การเปลี่ยนผ่านสัมปทานอ่าวไทย ถือเป็นความล้มเหลวของการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ กำลังการผลิตในอ่าวไทยลดลง สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนรัฐบาล ขณะเดียวกันต้องดูเรื่องปัจจัยการผลิต ปุ๋ยแพง ถ้าตนเป็นรัฐบาลจะทำหน้าที่สนับสนุนเรื่องนี้ เพราะคือหัวใจการผลิตที่นำไปสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร
3.การอุดหนุนช่วยเหลืออย่างมีเป้าหมายเฉพาะ รัฐบาลต้องเลิกแจกเงินแบบหว่านไปหมด แต่ควรดูแลกลุ่มเปราะบาง แก้ไขการอุดหนุนให้ถูกกลุ่ม
4.การจัดการหนี้ จากการลงพื้นที่พบปะประชาชนทั่วประเทศ พบว่าหนี้คือปัญหาใหญ่ คนไทยเป็นหนี้ครัวเรือนกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นอุปสรรคใหญ่ในการบริหารจัดการหนี้ รัฐบาลต้องใช้โอกาสนี้จัดการหนี้เชิงโครงสร้างทั้งหมด ให้โอกาสเข้าถึงแหล่งทุน ต้องช่วยให้เขารอด รัฐบาลต้องเปลี่ยนรูปแบบ ต้องตั้งกองทุนแก้หนี้โดยตรง และต้องออกจากระบบหนี้ของธนาคารรัฐ
5.ปรับโครงสร้างการบริหารงานของรัฐบาล ตนเคยอยู่ในรัฐบาลทราบดีว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้านเศรษฐกิจแยกส่วนกันคนละพรรคการเมือง ผ่านมาสามปีครึ่งการทำงานไม่ได้ผลเพราะเป็นโครงสร้างพรรคร่วมรัฐบาล แต่วันนี้ภาวะวิกฤติชาติใหญ่เกินกว่ามองเฉพาะพรรคหรือกระทรวง ตนยังไม่เห็นการทำงานวอร์รูม การเกาะติด และทำงานเชิงบูรณาการ เพื่อแก้ปัญหารักษาเสถียรภาพของประเทศอย่างจริงจัง ที่ห่วงอย่างยิ่งใน 8 เดือนนี้คือใกล้เลือกตั้ง กังวลว่าจะเป็นการบริหารเชิงหาเสียง เชิงประชานิยม นี่จะเป็นสิ่งที่ซ้ำเติมประเทศไทย เชื่อว่าในวิกฤติมีโอกาสเสมอ
“ถ้าวันนี้ผมได้ดูแลเรื่องพลังงาน จะใช้วิกฤติด้านพลังงานสร้างโอกาส เช่น เราเป็นประเทศที่แข็งแรงที่สุดด้านพลังงานทางเลือกในภูมิภาคอาเซียน เราจะนำไปสู่โอกาสพลังงานทางเลือกหรือ Green Energy โอกาสอยู่ที่เรามหาศาล เราต้องเปลี่ยนผ่าน ฟอสซิลหมดเวลาแล้ว แก๊สในอ่าวไทยก็กำลังจะหมดลง บุญเก่ากำลังจะหมดแล้ว บุญใหม่ก็ยังไม่ได้สร้าง การค้าขายพลังงานทางเลือกเป็นโอกาสใหญ่ที่กำลังจะมา รัฐบาลคิดเรื่องนี้แล้วหรือยัง นอกจากนี้ ในสถานการณ์สงครามรัสเซีย ยูเครน ผมมองเห็นโอกาสในการเป็นเทรดเดอร์รายใหญ่ โดยที่เราไม่เกี่ยวข้องกับการที่เขาทะเลาะกัน ใช้จุดยืนของประเทศให้เป็น และใช้โอกาสให้เป็น เราจะเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่เรื่องพลังงานได้” นายสนธิรัตน์ กล่าว