เทพไท แนะ พรรคไหนมีนโยบายทิพย์ ค่าแรง 425 บาท อย่าไปเลือก
เทพไท แนะ พรรคไหนมีนโยบายทิพย์ อย่าไปเลือก โกหก หลอกลวง
วันที่ 27 พ.ค. 65 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพข่าวเพจพรรคพลังประชารัฐ ลบโพสต์นโยบายหาเสียงค่าแรงขั้นต่ำออกว่า ขอให้จดจำนโยบายของพรรคการเมืองในการหาเสียง ถ้าทำไม่ได้ โกหก หลอกลวง ครั้งต่อไปไม่ต้องเลือกแล้ว
นายเทพไท ระบุ จากกรณีที่มีข่าวเรื่อง พรรคพลังประชารัฐ ได้ลบโพสต์นโยบายหาเสียงเมื่อปี 2562 ออกจากเพจแล้ว โดยเป็นโพสต์ที่ระบุว่า เซอร์ไพรส์นโยบายพลังประชารัฐ ดันค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท, ป.ตรี เงินเดือน 2 หมื่น, อาชีวะเงินเดือน 1.8 หมื่น, เด็กจบใหม่เสนอยกเว้นภาษี 5 ปี, เสนอยกเว้นภาษีเพื่อพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ 2 ปี, และลดภาษี 10 % บุคคลธรรมดา จนมีแกนนำของพรรคพลังประชารัฐ ต้องออกมาแถลงข่าวแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ หรือจะเรียกว่าแถ แก้ผ้าเอาหน้ารอด เอาสีข้างเข้าถู หรือแบบศรีธนญชัย ก็แล้วแต่จะพิจารณากัน แม้ว่าได้ลบออกจากเพจพรรคไปแล้ว แต่ไม่สามารถลบออกจากใจและความทรงจำของประชาชนได้
นายเทพไท ระบุ แต่อยากจะตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงมีการรณรงค์หาเสียงเมื่อปี2562 มีพรรคการเมืองบางพรรคเสนอนโยบายเกินจริง เพื่อหวังจะให้ประชาชนลงคะแนนเสียงให้ เมื่อมาเป็นรัฐบาลแล้วก็ทำไม่ได้ เป็นการหลอกลวงประชาชนหรือไม่ ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าหากกฎหมาย หรือ กกต.ไม่สามารถเอาผิดพรรคการเมืองเหล่านั้นได้ ก็จะทำให้การเลือกตั้งครั้งต่อไป จะมีพรรคการเมืองใช้เป็นลัทธิเอาอย่าง มีการเสนอนโยบายที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ แต่หวังคะแนนเสียงเพื่อให้ประชาชนเลือกเท่านั้น ก็จะเป็นปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน
นายเทพไท กล่าวว่า การที่มีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ออกมาอ้างว่าเพราะไม่ได้บริหารกระทรวงนั้นๆ จึงไม่สามารถผลักดันนโยบายให้สำเร็จได้ เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล สามารถเขียนนโยบายให้เป็นนโยบายของรัฐบาล เพื่อนำไปปฏิบัติได้ เหมือนกับกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ผลักดันให้นโยบายประกันรายได้เกษตรกร ที่ใช้ในการหาเสียงไปเป็นนโยบายของรัฐบาล และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง จนทำให้สินค้าเกษตรราคาเกินกว่าราคาประกันรายได้ของรัฐบาลทุกตัว และช่วยแก้ปัญหานโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่หาเสียงไว้ว่า จะทำให้พี่น้องเกษตรกรรวยอย่างมั่นคง รวยอย่างยั่งยืน โดยดูแลข้าวเจ้า 12,000 บาทขึ้นไป/ตัน, ข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทขึ้นไป/ตัน, อ้อย 1,000 บาทขึ้นไป/ตัน, ยางพารา 65 บาทขึ้นไป/กิโลกรัม, มันสำปะหลัง 3 บาทขึ้นไป/กิโลกรัม และปาล์ม ราคาเป้าหมาย 5 บาท/กิโลกรัม ราคายางพารากิโลกรัมละ 65 บาท ซึ่งตอนนี้ทำได้แล้ว และมีส.ส.พรรคพลังประชารัฐหลายคน นำไปเคลมเป็นผลงานของพรรคอยู่
“ยังคงเหลือแต่ค่าตอบแทนของ อสม.ที่มีพรรคการเมืองบางพรรค หาเสียงเสนอค่าตอบแทนให้กับ อสม.คนละ 2500 บาทต่อเดือน และคนละ 5000 บาทต่อเดือน แต่เมื่อเข้าร่วมรัฐบาลแล้ว ก็ไม่สามารถจะปรับค่าตอบแทน อสม.ได้ ซึ่งผมเคยได้เสนอต่อรัฐบาลในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลายครั้งว่า ควรจะปรับค่าตอบแทน อสม.เป็นเดือนละ 1500 บาท ให้กับทุกคน ทุกเดือนตลอดไป”
นายเทพไท ทิ้งท้ายว่า ขอให้ปรากฏการณ์การเบี้ยวนโยบายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ เป็นประเด็นให้ กกต.นำไปปรับปรุงกฏหมาย เพื่อเอาผิดกับการหาเสียงของพรรคการเมืองที่เกินจริง และไม่สามารถปฎิบัติได้ และขอให้เป็นบทเรียนของพี่น้องประชาชน ได้โปรดจดจำไว้ว่า มีพรรคการเมืองใดหลอกลวง โกหกปลิ้นปล้อนบ้าง สามารถลงโทษเอาคืนได้ โดยไม่ต้องลงคะแนนเสียงให้ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป