ธนาธร โอด เจอการเมืองเล่นงาน คดีเยอะจัด ลามครอบครัว
ประธานคณะก้าวหน้า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โอด เจอการเมืองเล่นงาน คดีเยอะจัด ลามครอบครัว
วันที่ 18 เม.ย. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตลอดชีวิตของผม ทำธุรกิจมา 20 ปี ไม่เคยขึ้นโรงขึ้นศาล แต่นับตั้งแต่ผมเข้ามาทำงานการเมือง ก็มีคดีเกิดกับผมนับสิบคดี เป็นที่น่าสังเกตว่า หลายคดีมีความเคลื่อนไหวในช่วงนี้ ซึ่งกำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้งที่สำคัญถึง 3 เลือกตั้ง ได้แก่การเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ และต้นปีหน้า จะมีการเลือกตั้งทั่วไป รวมถึงขณะนี้ คณะก้าวหน้ากำลังมีแคมเปญรณรงค์เข้าชื่อแก้ไขรับธรรมนูญ หมวดว่าด้วยการกระจายอำนาจ หรือแคมเปญ “ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น”
นายธนาธร ระบุว่า ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า การเร่งเดินเรื่องคดีความต่างๆ ของผม เป็นไปอย่างจงใจ เพื่อจะสกัดกั้นไม่ให้การทำงานการเมือง การรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ การหาเสียงเลือกตั้งของพวกเราคณะก้าวหน้า เป็นไปอย่างราบรื่น ผู้มีอำนาจจงใจทำให้เราต้องเสียเวลา เสียพลังงาน เสียสมาธิไปกับกระบวนการต่อสู้ในชั้นศาล และที่สำคัญ คือพวกเขาต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของผมในสังคม ด้วยการยัดข้อหาร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาตรา 116 พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ และข้อหาบุกรุกป่าสงวน
“ผมขอพูดถึงคดีที่ดินราชบุรีเป็นการเฉพาะ เพราะยังไม่เคยมีโอกาสชี้แจงที่ไหนเลย คดีนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับผมมาก เพราะการกลั่นแกล้งยัดคดี ไม่ได้เกิดกับผมคนเดียว แต่ยังไปถึงคุณแม่และพี่สาว ทั้งครอบครัวถูกตราหน้าว่าเป็นพวกโกงชาติโกงแผ่นดิน กินที่ป่า ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการซื้อที่ผืนนี้ คุณแม่ผมได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนไปแล้ว ผมจะไม่ขอกล่าวซ้ำในรายละเอียด แต่โดยสรุป คุณแม่ผมซื้อที่มาอย่างถูกกฎหมาย มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องทุกอย่าง ที่ดินซื้อขายกันมาหลายมือ และผู้ที่ขายให้แม่ผมคือบริษัทมิตรผล ซึ่งมีความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่การซื้อขายเถื่อน ซื้อที่มือเปล่า
“ครอบครัวเราครอบครองที่มาตั้งแต่ปี 2533 ไม่เคยมีปัญหาใดๆ จนกระทั่งผมมาทำงานการเมือง ก็มีการกล่าวหาว่าที่ผืนนี้ทับป่าสงวน ครอบครัวเรารุกที่ป่า ผมไม่มีปัญหาอะไรกับการสอบสวนตามขั้นตอน เพราะในประเทศไทย มีกรณีป่าทับที่ ที่ทับป่า ป่าสงวนออกทับเขตเอกชนมากมาย เป็นคดีความสร้างความเดือนร้อนให้ประชาชนทั่วประเทศ แม่ผมยืนยัน และผมก็ยืนยันเช่นเดียวกัน ว่าเราซื้อที่มาอย่างถูกกฎหมาย เอกสารสิทธิ์ออกโดยกรมที่ดิน แต่หากต่อมากรมที่ดินมาตรวจสอบพบว่าเอกสารสิทธิ์ที่ตนเองออก ทับซ้อนกับที่ป่า จะต้องเพิกถอน เรายินดี ไม่ได้เคยคิดเสียดายที่ตรงนี้”
นายธนาธร กล่าวว่า แต่กระบวนการที่เกิดกับครอบครัวผม ไม่ใช่กระบวนการปกติทุกท่านน่าจะยังจำได้ว่าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 พรรคก้าวไกล โดยส.ส. ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร ได้อภิปรายเปิดโปงการกว้านซื้อที่ดินในเขตนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ซึ่งนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ใช้อำนาจในทางมิชอบ เอื้อประโยชน์พวกพ้องครอบครัวตัวเอง และพรรคก้าวไกลยังได้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ว่านายนิพนธ์มีลักษณะต้องห้าม ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี จากการถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายก อบจ. สงขลาเนื่องจากมีคดีทุจริต และนายนิพนธ์เพิ่งจะยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญในกรณีนี้ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
“ถือเป็นเรื่องบังเอิญอย่างน่าแปลกใจ ที่ในช่วงเวลาเดียวกัน คือเดือนมกราคม 2565 อธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายนิพนธ์ สั่งตั้งคณะทำงานชุดหนึ่งขึ้นมาแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการสอบสวนเรื่องที่ดินราชบุรีของครอบครัวผม ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามกฎกระทรวงอยู่แล้ว โดยปรากฏในรายงานข่าวของไทยรัฐออนไลน์ด้วยว่า นายนิพนธ์เป็นผู้สั่งการให้ตั้งคณะทำงานนี้ด้วยตัวเอง”
“ผมขอตั้งคำถามว่า พฤติกรรมเช่นนี้ของนายนิพนธ์ ถือเป็นการก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรมโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่ เป็นการแก้แค้นทางการเมืองผม และพรรคก้าวไกล หวังว่าหากโจมตีผม พรรคก้าวไกลจะหยุดการตรวจสอบตนเองหรือไม่?”
นายธนาธร ระบุ กรณีเขายายเที่ยง ของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่มีบ้านพักตากอากาศในพื้นที่ทับป่าสงวนเช่นเดียวกัน สุดท้ายอัยการสั่งไม่ฟ้อง และเรื่องจบลงที่พลเอกสุรยุทธ์ รื้อถอนสิ่งก่อสร้าง ไม่มีคดีความใดๆ ตามมา จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของส.ส. และรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน ผมพบว่ามีส.ส. ไม่ต่ำกว่า 50 คน ที่ถือครองที่เข้าข่ายทับที่ป่า ซึ่งอันที่จริงเรื่องนี้เป็นปัญหาทั่วประเทศ ประชาชนมากมายเดือดร้อนจากการที่หน่วยงานรัฐถือข้อมูลไม่ตรงกัน ออกเอกสารสิทธิ์ให้เอกชนโดยไปทับที่ป่าสงวน หรือประชาชนอยู่มาก่อน แล้วมีการประกาศที่ป่าทับที่เอกชน
“กรณีนี้ไม่ต่างจากการถือหุ้นสื่อ ที่มี ส.ส. จํานวนมากถือหุ้นสื่อ แต่สุดท้าย ผู้ถูกตัดสิทธิ์กลับมีเพียง 2 คน คือผม และเพื่อน ส.ส. อนาคตใหม่ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ผมยืนยันว่าการทํางานของผมนับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในสนามการเมือง เป็นไปด้วยความมุ่งมั่นจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีขึ้น เท่าเทียมและเป็นธรรมมากขึ้น ไม่เคยคิดแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน อํานาจ ลาภยศสรรเสริญ แต่คดีความที่เกิดขึ้น เป็นการจงใจใช้กฎหมายเล่นงานเพื่อหยุดยั้งผมและเพื่อนร่วมงาน”
“ผมขอยืนยันว่าคดีความต่างๆ ไม่ได้ทําให้พวกเราท้อถอย ไม่สามารถหยุดยั้งการทํางานของเราได้ ทุกๆ ที่ที่ผมไป ผมได้รับกําาลังใจมากมายจากประชาชน จับไม้จับมือ ให้น้ำ ให้ขนม ขอขอบคุณทุกกําลังใจจากพี่น้องประชาชนครับ พวกคุณทุกคนคือแรงผลักดันสําคัญที่ทําให้เรายังเดินหน้าทํางานต่อไป”