ชลน่าน ถล่มรัฐบาล แพง จน พัง ทั้งแผ่นดิน
ชลน่าน อภิปรายถล่มรัฐบาล ประยุทธ์ ทำประเทศ แพง จน พัง ทั้งแผ่นดิน
วันที่ 17 ก.พ. ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี’ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ ว่า ญัตตินี้เป็นญัตติที่จะชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ ‘แพงทั้งแผ่นดิน จนทั้งแผ่นดิน พังทั้งแผ่นดิน’ จนพี่น้องประชาชนอาจต้องตายเกลื่อนทั้งแผ่นดิน ซึ่งเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ ความล้มเหลวจนปัญญาในการแก้ปัญหาและความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ จนสร้างปัญหาและภาระให้พี่น้องประชาชน ความผิดพลาดในการบริหารจัดการเงินกู้ การกู้เงินจำนวนมหาศาลแต่ไม่นำเงินมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน หนี้นอกระบบ จนประเทศหนี้ท่วม ประชาชนหนี้ล้น จนถึงถึงวิกฤตงบประมาณ การจัดสรรงบประมาณที่ไม่สอดคล้องเหมาะสม ของแพงค่าแรงถูก เป็นความผิดพลาดในการบริหารต้นทุนการผลิต ส่งผลให้เกิดเกิดภาวะเงินเฟ้อ กลายเป็นปัญหาที่เรียกได้ว่า ‘เงินฝืด ราคาเฟ้อ’
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นอย่างมาก เป็นเพราะโครงสร้างการบริหารจัดการที่บกพร่อง วิธีคิดในการแก้ไขปัญหาที่ผิดพลาด และสถานการณ์ขณะนี้ รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาด้วยการเอาคนจนไปอุ้มคนรวย โยนภาระให้กับผู้ใช้น้ำมันเบนชินเพื่อแบกราคาน้ำมันดีเซล ความสามารถในการแข่งขันของประเทศย่ำแย่มาโดยตลอด อันเนื่องมาจากกฎหมายไม่เอื้ออำนวยต่อการแข่งขัน มีการผูกขาดไม่เปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชน บริบทของประเทศไม่เอื้อต่อการลงทุน ผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยต้องล้มหายตายจาก
“ประเทศสูญเสียโอกาสอย่างมากในการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ นับตั้งแต่ยึดอำนาจ 2557 ไม่มีประเทศใดยอมรับและไม่มีใครเชื่อมั่นประเทศไทย ตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้เตรียมความพร้อมในการทำโครงสร้างขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถไฟความเร็วสูง แม้ในอดีตรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะมีการวางแผนการดำเนินการเอาไว้แล้วแต่กลับถูกระงับยับยั้งและยกเลิกไป ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายโอกาสของประเทศและประชาชนครั้งสำคัญ”
ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลก็ทำให้ประเทศและประชาชนเสียโอกาสอย่ามาก แทนที่จะสร้างงานสร้างรายได้ สร้างโอกาส แต่กลับปล่อยให้กิจกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี มีกลไกการโกง การหาประโยชน์จากระบบ อย่างเรื่องไฮบริด สแกม ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างมาก รายได้ของประเทศซึ่งเป็นความหวังเดียวของประชาชน คือ ภาคการท่องเที่ยว กลับล้มเหลวหดตัว แล้วเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่นๆ กลับฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แตกต่างกับประเทศไทย
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เกษตรกรจมทุกข์ ทั้งราคาพืชทางการเกษตรตกต่ำอย่างหนักและต่อเนื่อง ซ้ำร้ายรัฐบาลนี้ยังไม่กล้าบอกความจริงกับประชาชนและปกปิดการระบาดของโรคระบาดสัตว์ลัมปีสกิน แม้ฝ่ายค้านได้เสนอญัตติเรื่องนี้เข้าสู่สภา รวมไปถึงการตั้งกระทู้ถามสด แต่รัฐบาลก็ยังไม่ยอมประกาศเป็นโรคระบาด ถือเป็นความอ่อนด้อยและความผิดพลาดของรัฐาลอย่างแท้จริง ซึ่งจะต้องชี้ให้เห็นว่า เรื่องนี้ใครคือผู้ได้ประโยชน์และใครเป็นผู้เสียประโยชน์
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วิกฤตการเมืองก่อปัญหาครบวงจร ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีต้นเหตุมาจากรัฐบาลไม่สนับสนุนการปฏิรูปการเมือง แล้วยังมีพฤติการณ์ทำลายล้างระบอบประชาธิปไตย ทำลายระบบรัฐสภา ก่อเกิดธุรกิจการเมือง ทำให้สภาเสื่อมถอย มีการแจกกล้วยกลางสภา เป็นเหตุให้การปฏิรูปการเมืองล้มเหลว
รัฐบาลนี้เข้าสู่อำนาจด้วยการยึดอำนาจแล้วยังมุ่งสืบทอดอำนาจ และลดทอนอำนาจของประชาชน สร้างปัญหากับการกระจายอำนาจ โดยระงับการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่น แล้วใช้ฐานอำนาจท้องถิ่นในลักษณะของการต่อรองเพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจ ขณะเดียวกันก็วางโครงสร้างอำนาจไว้ในรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจไม่ชอบธรรม เอื้อพวกพ้อง เห็นแต่ประโยชน์พวกพ้อง ไม่เห็นหัวพี่น้องประชาชน ระบบตรวจสอบบิดเบี้ยว บิดเบือนกลไกตรวจสอบ โดยเฉพาะระบบรัฐสภาที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน
ผลพวงจากรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐบาลได้เสียงข้างมากอย่างง่อนแง่น รัฐบาลมี 255 เสียง เกินกึ่งหนึ่งไปเพียง 5 เสียง แม้จะใช้กลไกที่ไม่ชอบธรรมทำให้ได้เสียงมาเพิ่มเป็น 275 เสียง แต่นั่นคือกับดักการเข้าสู่อำนาจ ซึ่งเป็นเรื่องที่เสมือนดีแต่ท่านกำลังทำลายล้างประชาธิปไตย ซึ่งแสดงผลออกมาโดยสะท้อนจากเสถียรภาพของรัฐบาล หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนกันยายน 2564 เป็นต้นมา องค์ประชุมที่เป็นหน้าที่ของเสียงข้างมาก คือ ฝ่ายรัฐบาล กลับไม่เคยถึงกึ่งหนึ่ง
นายกรัฐมนตรีจะต้องตอบให้ชัดเจนว่าจะยอมให้แก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่โครงสร้างหรือไม่ รวมไปถึงการแก้ไขกฎหมายต่างๆ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลตีตกกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ซ้ำยังอุ้มหายกฎหมายไปดองไว้ 60 วันอีกหลายฉบับ
“วันนี้ถึงเวลาที่จะต้องเร่งแก้ไข จะต้องหยุดเลือดที่กำลังไหลออก หยุดทรมานพี่น้องประชาชน อย่างเร่งด่วน ก่อนที่พี่น้องประชาชนจะทุกข์ยากเดือดร้อนมากกว่านี้ และสิ่งที่จะหยุดได้ คือตัวนายกรัฐมนตรีเอง ด้วยการประกาศขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือถ้าจะแก้ไขปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ทันที คือ ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน”