เฮ ศบค.ไฟเขียว นั่งดื่มในร้าน กรุงเทพฯ – 8 จังหวัด เริ่ม 1 พ.ย.
คนไทยเฮ ศบค.ไฟเขียว นั่งดื่มในร้านอาหาร กรุงเทพฯ – 8 จังหวัด เพิ่ม 1 พ.ย.
วันที่ 29 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ว่า จากการประกาศ 1 พฤศจิกายน 64 ให้เป็นวันที่เริ่มเปิดประเทศ ต้อนรับชาวต่างชาติและชาวไทย ที่เดินทางมาทางอากาศ จาก 45 ประเทศ และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ในชั้นแรก สามารถเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังขอความร่วมมือจากประชาชน สถานประกอบการ สมาคมต่าง ๆ ประกอบด้วย 4 เรื่อง คือ
1. ทุกคน ทุกส่วน ต้องช่วยกันระมัดระวังอย่างเต็มที่ ใช้มาตรการทางด้านสาธารณสุขอย่างเต็มที่ มีวินัยในตนเองที่จะไม่เป็นผู้แพร่เชื้อโควิดไปยังผู้อื่น
2. มาตรการเดินทางเข้าเส้นทางอื่น ต้องมีการกำหนดมาตรการก่อน ทั้งนี้ ทางบก ทางน้ำ ยังคงให้มีการกักตัวเช่นเดิม ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง มีการจับกุมผู้ลักลอบเข้ามาตามแนวชายแดนโดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย ในส่วนการค้าขายตามแนวชายแดนมอบนโยบายให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้มีอำนาจในการเปิดจุดผ่อนปรน เพื่อให้มีการซื้อขายสินค้าเป็นไปตามข้อเรียกร้องในส่วนของอาเซียน โดยจะทยอยเปิดให้ ทั้งนี้จะต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัย ไม่มีการเผชิญหน้ากันของพ่อค้าแม่ค้า จำกัดพื้นที่ในการขนส่งสินค้า เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อ
3. บุคลากรทางการแพทย์ เปึนที่ทราบดีว่า ขณะนี้สถานณ์การการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงมีอยู่ จึงต้องมีแผนเผชิญเหตุ เพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาผู้ป่วย อาทิ โรงพยาบาลสนาม พื้นที่สำหรับการกักตัว/แยกกัก ก็ต้องมีความพร้อมเช่นเดิมหากสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น สำหรับการจัดหาเวชภัณฑ์/ยา ได้เร่งรัดการจัดหายาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) เพิ่มเติมแล้ว โดยขอความร่วมมือจากต่างประเทศ กลุ่มอาเซียน+3 และเอเชียใต้ กำลังวิจัยยาประเภทนี้อยู่ด้วย จึงต้องร่วมมือกันในการพัฒนาและประเทศไทยจะดำเนินการจองไว้ล่วงหน้าตามความจำเป็น ควบคู่ไปกับการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ด้วย อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียังได้เร่งรัดให้มีการพัฒนาสารสกัดสมุนไพรไทยเพิ่มเติม นอกเหนือจากฟ้าทลายโจร และศึกษาว่า มีสารสกัดจากสมุนไพรไทยชนิดได้ที่สามารถใช้การดูแลรักษาโควิด-19 ในชั้นต้นได้ แต่ต้องมีความปลอดภัย
4. การเปิดประเทศทันทีนั้น มีเวลาเตรียมการที่สั้นมาก จากการดำเนินโครงการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามากว่า 40,000 คน และท่องเที่ยวไปยังหลายพื้นที่ด้วยกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ทำให้ขณะนี้หลายประเทศกำลังจัดทำพื้นที่ท่องเที่ยวแซนด์บ็อกซ์ตามรูปแบบของประเทศไทย เพราะการที่จะเดินทางเข้ามาไม่ใช่การเพียงการที่ประกาศแล้วมาได้เลย แต่รัฐบาลมีการประเมิน วางแผน เตรียมการให้มีความพร้อม รวมถึงการหารือกับประเทศต้นทางว่าอนุญาตให้มีการเดินทางออกมานอกประเทศได้หรือไม่ โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่มีการพิจารณาท่องเที่ยวแบบนี้
สำหรับการประชุม ศบค. มีการปรับพื้นที่ควบคุมโรค เริ่มวันที่ 1 พ.ย.นี้ โดยกำหนดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 4 จังหวัด กรุงเทพฯ กระบี่ พังงา ภูเก็ต ไม่ห้ามออกนอกเคหสถาน จัดกิจกรรมรวมกลุ่มความเหมาะสม เปิดห้างปกติ เปิดร้านอาหารตามปกติ (คกก.โรคกำหนดเวลาปิดตามพื้นที่)
ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสูง 5 จังหวัด นครพนม น่าน บึงกาฬ มุกดาหาร สกลนคร ไม่มีการห้ามออกนอกเคหสถาน ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 1,000 คน เปิดห้างปกติ ร้านอาหาร เปิดตามปกติ (คกก.โรคติดต่อจังหวัดกำหนดเวลาปิดตามพื้นที่) โดยไม่มีข้อห้ามการดื่นสุราในร้าน