มติ 476 สภาเห็นชอบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เขต 400 บัญชีรายชื่อ 100
มติ 476 ประชุมสภาร่วม ส.ส. ส.ว. เห็นชอบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เขต 400 บัญชีรายชื่อ 100
เมื่อเวลา 14.50 น. วันที่ 25 ส.ค. ที่รัฐสภา ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ลงมติเห็นด้วยให้แก้ไขมาตรา 83 ตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก ด้วยคะแนน 476 เสียง ไม่เห็นด้วย 70 เสียง งดออกเสียง 91 เสียง โดยให้มีจำนวน ส.ส.500 คน แบ่งเป็น ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่นำเสนอให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาได้พิจารณานั้น เป็นรายงานฉบับปรับปรุงล่าสุด โดยเพิ่มเติมเฉพาะมาตรา 86 จากเขตเลือกตั้ง 350 เขตเป็น 400 เขต อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการ ยังได้แก้ไขเพิ่มเติมในบทเฉพาะกาล โดยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้ง ใช้ครั้งแรกกับการเลือกตั้งทั่วไป ไม่ใช้กับการเลือกตั้งซ่อม ก่อนการเลือกตั้งทั่วไป
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กรรมาธิการเสียงข้างมาก กล่าวว่า พรรค ปชป. เป็นพรรคที่ริเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร่างรัฐธธรรมที่กำลังพิจารณานี้ก็เป็นร่างของพรรคปชป. ที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเพียงฉบับเดียว คือการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง โดยในการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการก็เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 114 และข้อ 124 และรัฐธรรมนูญ ซึ่งเบื้องต้นได้แก้ไขใน 4 มาตรา คือมาตรา 83 การแก้ไขระบบการเลือกตั้งให้เป็นบัตรสองใบ เพียงแต่ไปเพิ่มคำว่า การเลือกตั้งต้องเป็นไปโดยตรงและเปิดเผยเท่านั้น มาตรา 86 ที่เป็นมาตราที่ไปกำหนดเขตเลือกตั้ง และการแบ่งเขตการเลือกตั้ง ที่ใหมีส.ส.เขต 400 คน ให้มีความชัดเจนขึ้น มาตรา 91 ซึ่งเดิมได้กำหนดให้มีการคำนวณสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 บัญชี โดยให้คิดฐานรวมของคะแนนทั้งหมดเป็นสัดส่วน ได้เสนอให้เปลี่ยนมาใช้ฐาน 100 คิดคำนวณเหมือนรัฐธรรมนูญ 2540 และรัฐธรรมนูญ 2550 และแก้ไขบทเฉพาะกาล เหลือเพียงประเด็นเดียวคือ ระหว่างที่ยังไม่ได้จัดเลือกตั้งทั่วไป หากมีการเลือกตั้งซ่อม ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายเดิม ซึ่งข้อความดังกล่าวนี้เคยมีอยู่ในรัฐธรรมนูญ 2550
“ฉะนั้นทั้งหมดนี้ พรรคปชป. จะดำเนินการตามมติของพรรค เราต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามนี้ เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เพราะเราเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งด้วยระบบบัตร 2 ใบเป็นการส่งเสริมเสรีภาพของประชาชน และการคำนวณบัญชีรายชื่อแบบฐาน 100 ก็จะตัดปัญหาเรื่องการปัดเศษ และการใช้บัตรบัตรเดียวตามรัฐธรรมนูญ 2560 ก็ทำให้เกิดการซื้อเสียงมาก จึงหวังว่าสมาชิกรัฐสภา จะให้ความเห็นชอบในการแก้ไข 4 มาตราที่เสนอมา จึงไม่ได้เป็นเรื่องที่ดำเนินการไปตามอำเภอใจ เพราะได้ทำแบบเปิดเผย อย่างตรงไปตรงมา ว่าพรรคไหนต้องการอย่างไร ดังนั้นพรรคไหน หรือส.ว.จะลงมติอย่างไรก็เป็นสิทธิของสมาชิก” นายชินวรณ์ กล่าว
นายชินวรณ์ กล่าวว่า การลงมติรัฐธรรมนูญจะเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์เหมือนที่เคยมีมา ยืนยันว่าเราอยากเห็นความเห็นพ้องต้องกันในการดำเนินการให้รัฐธรรมนูญได้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา และหลังจากที่ผ่านวาระ 2 แล้วก็ต้องทิ้งไว้ 15 วัน ก่อนจะลงมติในวาระ 3 แม้จะต้องใช้เสียงฝ่ายค้าน 20% และส.ว. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 โดยเมื่อได้ฟังการอภิปรายฯ ของสมาชิกรัฐสภา ตนก็มั่นใจว่า ทุกฝ่ายก็เห็นชอบว่าการแก้ไขรายมาตรา ก็ต้องสับสนุนต่อไปเพราะจะเป็นการเปิดทางและถอดสลักทางการเมืองให้กับประเทศชาติบ้านเมือง