พรึบ ศิลปินดัง ตบเท้าเข้าสภา จี้ รัฐทบทวนมาตรการ
เหล่าศิลปินดัง รวมตัวตบเท้าเข้าสภา เรียกร้องภาครัฐทบทวนมาตรการคุมโควิด
เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่รัฐสภา สมาพันธ์ผู้ประกอบอาชีพนักดนตรีและธุรกิจกลางคืน เดินทางมายื่นหนังสือต่อผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ช่วยติดตามการดำเนินการตามที่เคยยื่นหนังสือเรียกร้องไปถึงรัฐบาลและรัฐสภามาแล้วหลายครั้งก่อนหน้านี้
โดยมีศิลปินที่มีชื่อเสียง เช่น ตุล อพาร์ตเมนต์คุณป้า , เฟิด สล็อตแมชชีน , โอม cocktail , จ๋าย ไททศมิตร , ดิม แทททูคัลเลอร์ , นะ โพลี่แคท ฯลฯ
เหล่าศิลปิน มีการเรียกร้อง
1. ยกเลิกคำสั่งปิดสถานบันเทิงแบบเหมารวม
2. ขอให้มีคำสั่งปลดล็อคเพื่อให้ธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิงได้กลับมาเปิดบริการ และสามารถจัดกิจกรรมต่างๆ ได้ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 โดยให้คงการปฏิบัติตามมาตรการคำสั่งของ ศบค. เพื่อรักษามาตรฐานการควบคุมโรค เสนอและเรียกร้องให้พิจารณาเป็นวันที่ 1 สิงหาคม 2564 และ/หรือกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนในการอนุญาตให้กลับมาประกอบกิจการและอาชีพได้อีกครั้ง
3. ผ่อนปรนให้สามารถขายแอลกอฮอล์เพื่อบริโภคในร้านค้าได้
4. ผ่อนปรนให้มีการจัดงานมหรสพโดยให้คงการปฏิบัติตามมาตรการคำสั่งของ ศบค. เพื่อรักษามาตรฐานการควบคุมโรค
5. พิจารณาการจัดสรรฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ และ/หรือ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานประกอบการธุรกิจกลางคืน และธุรกิจบันเทิงโดยเร็วที่สุด
6. พิจารณาให้มีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องการเยียวยา การพักชำระหนี้ และ/หรือ การกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำต่อผู้เดือดร้อนตั้งแต่การออกคำสั่งครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2563
7. เปิดโอกาสให้ภาคเอกชน และ/หรือ ประชาชนในกลุ่มภาคธุรกิจที่ได้รับความเดือดร้อน เข้าร่วมรับฟัง, เสนอแนะ, พูดคุย ในกระบวนการการออกมาตราการและนโยบายต่างๆ
8. เปิดช่องทางสื่อสาร เพื่อรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนที่เดือดร้อน
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนรับเรื่องร้องเรียน กล่าวว่า ข้อเรียกร้องในวันนี้โดยรวมอาจไม่แตกต่างกับกลุ่มอื่นที่ได้ออกมาเรียกร้องต่อรัฐในช่วงเวลานี้เช่นเดียวกันที่ต้องรับฟังและแก้ปัญหา ข้อแรกคือ มาตรการของรัฐต้องไม่เหมารวม รัฐบาลได้สั่งปิดร้านเหล่านี้มามากกว่า 200 วัน จึงมีเวลาคิดมากมายที่จะตรวจปูพรมและปิดเมื่อเกิดเหตุได้ ไม่ใช่เหมารวมเช่นนี้ ประการต่อมาคือ เรื่อง วัคซีน หากวันนี้มีวัคซีนที่ดีทุกคนก็คงได้เข้าไปแถลงข่าวในสภาและคงก็จะกลับมาทำมาหากินกันได้ตามปกติ ประการที่สามคือ สายป่านรหรือกระแสเงินสดที่ทุกอาชีพล้วนได้รับผลกระทบ แต่ด้วยธรรมชาติของสายอาชีพอิสระจะต้องกลั้นหายใจนานกว่าคนอื่นและกระทบเป็นวงกว้างจึงต้องดูแลเป็นพิเศษด้วย
“ในเวลานี้ความมั่นคงเปลี่ยนแบบเดิมเปลี่ยนไปหมดแล้ว มันไม่ใช่ความมั่นคงทางทหารอีกแล้ว และไม่ใช่เรื่องความมั่นคงทางเศรษฐกิจเหมือนสมัยต้มยำกุ้ง แต่คือความมั่นคงทางสาธารณสุขที่ใช้วัฒนธรรม เป็นตัวนำ อเมริกาในตอนเริ่มคงไม่สามารถทำให้ Madison Square Garden เต็มได้ แต่พอเปลี่ยนผู้นำ ที่ตามมาทันทีคือ การมีวัคซีนและมีระบบการจัดการที่ดี สิ่งที่อเมริกาทำได้ในนิวยอร์คคืนวันนั้นคือสิ่งที่ดังไปทั่วประชาคมโลกเพื่อบอกว่าประเทศที่จะมีจุดยืนบนโลกใบใหม่คือต้องมีผู้นำแบบไหน ถ้าท่านเห็นด้วยกับวิธีคิดของผม เห็นด้วยกับ DNA ของพรรค เห็นด้วยกับวัฒนธรรมที่เป็นมากกว่าวัฒนธรรม การทำมาหากินจะหกโมงเช้าหรือหกโมงเย็นก็คือการโอบรับความหลากหลายของอาชีพ ที่ประเทศไทยจะต้องคิดเพื่อจะก้าวไปข้างหน้าให้ได้ ถ้าท่านคิดแบบนี้ขอแรงมาจับมือร่วมกันกับพรรคก้าวไกลในการผลักดันเพื่อเปลี่ยนประเทศให้ได้เสียที และให้วัฒนธรรมเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศหลังโควิด”
ด้านตัวแทน สมาพันธ์ผู้ประกอบอาชีพนักดนตรีฯ กล่าวว่า โลกใบนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนแค่ช่วงพระอาทิตย์ขึ้น ยังมีคนอีกมากมายที่ทำงานหลังพระอาทิตย์ตกดิน เราอยากสะท้อนปัญหาว่า สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดคือการกลับมาทำงานได้ เราต้องการกลับมาทำงานไม่ใช่เงินเยียวยา ดังนั้น มาตรการต่างๆจะต้องมาด้วยความเรียบร้อย ชัดเจน มีกรอบเวลาให้วางแผน ตอนนี้นักดนตรีบางคนขายต้องเครื่องดนตรีซึ่งก็คือเครื่องมือทำมาหากินหมดแล้ว คำถามคือถ้าทุกอย่างกลับมาปกติ เขาจะมีเงินซื้อของเหล่านี้เพื่อกลับมาทำอาชีพอของเขาได้อย่างไร หรือบางคนที่ต้องปรับตัวเพื่อจะไปทำมาค้าขายตอนนี้ก็คือการเริ่มต้นใหม่ ต้องหาตลาดใหม่ในตลาดที่มีการแข่งขันอยู่แล้ว การเปลี่ยนแปลงจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและเป็นคำถามว่าเป้นคำตอบที่ถูกทางแล้วจริงหรือ
“ข้อเรียกร้องข้อแรก สถานบันเทิงไม่ใช่จุดแพร่เชื้อโรคที่เดียวในขณะนี้ ตลาด ไซต์งาน ห้าง ทุกที่เปิดได้หมด สามารถทำความสะอาดได้ แต่สถานบันเทิงเป็นแห่งเดียวที่ถูกปิดและเปิดเป็นที่สุดท้าย อย่าปิดเราแบบเหมารวม เพราะจะทำให้ภาคธุรกิจอีเวนต์ คอนเสิร์ต ต่างๆ พังไปด้วย อยากให้เข้าใจถึงฟันเฟืองในธุรกิจดนตรีและศิลปะว่า มีประชากรและลูกจ้างรายวันอยู่ในนี้อีกเยอะมากที่ไม่มีโอกาสและทางเลือกในการทำงานและไม่ได้เข้าประกันสังคม”