เริ่ม ถกงบ 3.1 ล้านล้าน ฝ่ายค้านอัด จัดสรรแบบไร้สามัญสำนึก
เริ่มถกงบประมาณปี 65 วันแรก ฝ่ายค้านจัดหนัก อัด งบไม่ตรงจุด ไม่เห็นหัวประชาชน
เวลา 11.50 น. วันที่ 31 พ.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจาณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชี้แจงกรอบงบประมาณ 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ว่า ในส่วนของการบริหารจัดการวัคซีน รัฐบาลมีคณะกรรมการดำเนินอย่างต่อเนื่องทั้งการจัดหา การนำเข้าแบบรัฐ-รัฐ รวมทั้งวัคซีนทางเลือก โดยมีทั้งแผนหลัก แผนรองและแผนฉุกเฉินในบริหารจัดการวัคซีน ขณะที่โลกยังคงมีความต้องการวัคซีนที่มากขึ้นในหลายประเทศซึ่งต้องมีการบริหารจัดการวัคซีนของบริษัทผู้ผลิตด้วย ขณะเดียวกันไทยก็จะได้รับการถ่ายทอดการผลิตวัคซีนจากหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ด้วย ซึ่งคาดว่าในช่วงเวลาที่กำหนดไปแล้วจะไม่ปัญหาเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนทั้งวัคซีนที่จัดหาโดยรัฐและวัคซีนทางเลือกที่ดำเนินการได้แล้วในขณะนี้ อย่างไรก็ตามการนำเข้ายังต้องผ่านช่องทางรัฐ-รัฐ
นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธข้อกล่าวหางบประมาณกระทรวงกลาโหมมากกว่ากระทรวงสาธารณสุข โดยชี้แจงว่างบประมาณด้านสาธารณสุข ประกอบด้วยงบประมาณของกระทรวงสาธารสุข ยังมีกองทุนภายใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุขอีก 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย มีจำนวน 141,741 ล้านบาท และงบประมาณ 153,940.47 รวมงบประมาณด้านสาธารณสุขทั้งสิ้น 295,681 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 ลดลงเพียงแค่ 5,930 ล้านบาทร้อยละ 1.7 งบประมาณขณะที่ 2 ปีที่ผ่านมาได้มีการปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหมกว่า 10,000 ล้านบาท แต่ยังคงมีงบประมาณผูกพันที่ต้องดำเนินการต่อในปีงบประมาณ 2565
พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันรัฐบาลบริหารจัดการวัคซีนทั้งการกระจายวัคซีนและการให้บริการฉีดวัคซีน ด้วยความโปร่งใส ทั่วถึงและเป็นธรรม ยืนยันในเดือนมิถุนายน จะมีวัคซีนเข้ามาอย่างเพียงพอทั้งวัคซีนที่รัฐบาลจัดหาและวัคซีนทางเลือก ซึ่งการนำเข้ายังต้องติดต่อผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยต้องบริษัทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้แทนบริษัทผู้ผลิตวัคซีนที่ถูกต้อง เพื่อรับรองมาตรฐานก่อนนำเข้า ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลได้การบริหารงบประมาณด้วยการพิจารณาอย่างเข้มงวด รัดกุม พร้อมรับฟังทุกข้อมูล วันนี้ไม่มีการทุจริตในรัฐบาลผม
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ยุทธศาสตร์งบประมาณไม่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ โดย 6 ยุทธศาสตร์งบประมาณไม่มีเรื่องของโรคโควิด-19 เลย ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเหมือนประเทศไม่ได้อยู่ในสภาวะผิดปกติ การจัดสรรงบประมาณปี 2565 ไปถึงคนเพียงบางกลุ่ม เช่นเดียวกับที่ผ่านมา ทำให้ SME ล้มหายตายจากไปมาก คนตกงานจำนวนมาก ส่งผลให้เศรษฐกิจดิ่งเหว ตลอดปี 7 มีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้งบประมาณปีกว่า 20.8 ล้านล้านบาท กำลังจะใช้อีก 3.1 ล้านล้านบาท แต่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถือว่าใช้เงินแล้วไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ส่งผลให้หนี้ครัวเรือสูงตามมาด้วย
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า สภาพของประเทศตอนนี้ เหมือนบ้านที่พ่อแม่ล้มป่วยตกงาน แต่ลูกทรพีก็ยังจะตื้อซื้อของเล่นให้ได้ ประชาชนเพียงต้องการเห็นงบประมาณปี 2565 มีสามัญสำนึก รู้ว่าอะไรควรจ่ายอะไรไม่ควรจ่าย ซึ่งรัฐบาลที่มีสามัญสำนึกเท่านั้นที่จะสามารถจัดทำงบประมาณที่มีสามัญสำนึกได้ ที่ผ่านมาการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลนี้ ไม่เคยมีสามัญสำนึก แม้รู้ทั้งรู้ก็ยังจะทำ มีแต่เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย ทำให้ประชาชนเจ็บป่วยล้มตายไปเรื่อยๆ
นายวิโรจน์ กล่าวว่า งบประมาณปี 2565 ไม่เห็นหัวประชาชน รัฐบาลแกล้งทำเป็นว่ามีการปรับลดงบประมาณลง แต่เมื่อไปดูไส้ในกลับพบว่า มีโครงการที่น่าละอาย เช่น กองทัพบก เมื่อไปดูรายละเอียดพบโครงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ เพิ่มขึ้นมา 1,805 ล้านบาท รวม 4,937 ล้านบาท กองทัพเรือ เพิ่มขึ้น 873 ล้าน รวม 1,406 บาท รวมกองทัพบกกับกองทัพเรือ มีงบประมาณจัดซื้ออาวุธ เพิ่มขึ้น 2,678 ล้านบาท ซึ่งสามารถจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ได้ 4.4 ล้านโดส แอสตราเซเนกา 22 ล้านโดส