ปิดสถานบันเทิง 41 จว. นายกฯ สั่ง หาวัคซีนเพิ่ม 10 ล้านโดส
ศบค.เริ่มมาตรการปิดสถานบันเทิง 41 จว. คืนนี้ นายกฯ สั่ง หาวัคซีนทางเลือกเพิ่ม 10 ล้านโดส
สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันที่ 9 เม.ย. พบผู้ป่วยรายใหม่ 559 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 30,869 ราย หายป่วยแล้ว 28,128 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เสียชีวิตสะสม 96 ราย
โดย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บิหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ว่า ศบค.เห็นชอบมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ โดยจะเริ่มบังคับใช้มาตรการตั้งแต่เวลา 00.01 วันที่ 10 เม.ย. ประกอบด้วย
1)ปิดสถานบริการหรือสถานที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค โดยปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานประกอบกิจการอาบน้ำ สถานประกอบกิจการอาบอบนวด หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ใน 41 จังหวัด อย่างน้อย 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.-23 เม.ย.
ประกอบด้วย กรุงเทพ ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี นครนายก ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ระนอง ชุมพร นครศรีธรรมราช ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สงขลา ยะลา นราธิวาส นครราชสีมา ขอนแก่น ชัยภูมิ อุดรธานี บุรีรัมย์ เลย เชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย ตาก และเพชรบูรณ์
ส่วนในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งไม่ได้อยู่ใน 41 จังหวัดดังกล่าว ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด หากเห็นว่าเป็นพื้นที่เสี่ยง สามารถสั่งปิดชั่วคราวได้
2) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เสนอศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ตรวจสอบ กลั่นกรอง และประเมินความเหมาะสม ก่อนเสนอนายกรัฐมนตรี ในการพิจารณาให้ผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการกับสถานที่ที่มีคำสั่งให้ปิดชั่วคราว ในกรณีที่สามารถระงับการแพร่ระบาดของโรคได้ดี เร็วกว่า 14 วัน
3) ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง พนักงานเจ้าหน้าที่อื่นที่มีความรับผิดชอบ ประสานการปฎิบัติงานอย่างใกล้ชิด และเพิ่มความเข้มข้นในการเข้าตรวจสอบสถานที่กิจการหรือกิจกรรม ที่อาจมีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของสถานที่ กิจการหรือกิจกรรมนั้นๆให้เป็นไปตามเงื่อนไขเวลาการจัดระบบและระเบียบต่างๆ รวมทั้งมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับการจัดหาวัคซีน นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยกับข่าวที่ออกมา เช่นกรณีการตั้งข้อสังเกตว่าวัคซีนเป็นผลประโยชน์กับใครบางคนหรือไม่ เกิดการผูกขาดนำเข้าวัคซีนหรือไม่ เอื้อประโยชน์ให้เจ้าสัวหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกฯไม่สบายใจ
โดยที่ประชุมได้มีการหารือในการจัดหาวัคซีน ขณะนี้วัคซีนที่รัฐจัดให้เพียงพอประชากร 35 ล้านคน 70 ล้านโดส ของชิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งต้องหาวัคซีนให้ครอบคลุมประชากร 40 ล้านคน จึงจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ต่อคนไทยได้ ดังนั้น วัคซีนสำหรับประเทศไทยจึงขาดอีก 5 ล้านคน หรือ 10 ล้านโดส
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปในการจัดหาวัคซีนทางเลือกเพิ่มอีก 10 ล้านโดส โดยนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ได้เสนอตัวจัดหาวัคซีนดังกล่าว ร่วมกับเอกชน และขอให้ภาครัฐช่วยอำนวยความสะดวก และนายกฯเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว จึงมอบหมายให้ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานในคณะกรรมการ จัดหาวัคซีนทางเลือกเพิ่ม โดยให้ประชุมแล้วได้ผลสรุป ภายใน 1 เดือน