ระทึก ไฟไหม้บ้านถล่ม ม.กฤษดานคร ดับ 4 ราย รวมกู้ภัย

เกิดเหตุไฟไหม หมู่บ้านกฤษดานคร เขตทวีวัฒนา ระทึกบ้านถล่ม เบื้องต้นเสียชีวิต 4 ราย เป็นหน้าหน้าที่ 3 ราย
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 3 เม.ย. เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 138/12 หมู่บ้านกฤษดานคร 31 แยกถนนพุทธฆณฑล สาย 3 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ โดยเป็นบ้านเดี่ยวสูง 3 ชั้น บนเนื้อที่ประมาณ 200 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด เปิดเป็นบริษัท ชื่อ บริษัท โลกโสภา จำกัด พบแสงเพลิงกำลังโหมลุกไหม้จากชั้นล่างลุกลามอย่างรวดเร็วไปทั้งอาคาร ทางเจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำ
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่า มีผู้ที่ติดค้างอยู่ภายใน 8 ราย ทางเจ้าหน้าที่นักผจญเพลิง ทำการเข้าไปช่วยเหลือ ท่ามกลางเปลวไฟและกลุ่มควันจำนวนมาก จนสามารถช่วยเหลือไว้ได้ 7 ราย นำตัวส่งโรงพยายาล 3 ราย ส่วนอีก 1 รายเสียชีวิต พบติดค้างอยู่ในห้องน้ำชั้นล่าง ใช้เวลาเกือบ2ชั่วโมงเพลงจึงสงบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังระดมหัวฉีด ฉีดน้ำอยู่นั้น ได้ยินเสียงปูนดังลั่น ตลอดเวลา จนกระทั่งนายสุทัศน์ หรือ โอ เปลี่ยนกลัด เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณะภัย รหัสธน 27-32 ได้พบผู้หมดสติอยู่ในห้องน้ำชั้นล่างด้านในสุด เจ้าหน้าที่จึงได้ระดมกำลักันเข้าไปเพื่อช่วยเหลือ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น อาคารทั้งหลังได้ทรุดตัวถล่มลงมากองกับพื้น ทำให้เจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้นต่างพากันวิ่งหนีตาย ซึ่งเหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยติดค้างอยู่ในซากอาคารและเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนายสุทัศน์ ซึ่งเสียชีวิตหน้าห้องน้ำชั้นล่าง
จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังพบผู้เสียชีวิตติดคาซากตึกจำนวน3ราย ทราบชื่อ นายสมัญญา นิลธง อาสาสมัครบรรเทาสาธารณะภัย รหัส ธน 27-30
นายอรรถพล ท้วมทอง รหัส ธน 37-85 เสียชีวิตคู่กัน อยู่บริเวณด้านข้างของตัวบ้าน ต่อมา นายธนภพ ศรีประไพ รหัส เหนือ 33-00 อพปร.เทศบาลนนทบุรี ก็ถูกปูนทับเสียชีวิตอยู่กลางบ้าน เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องตัดถ่าง นำศพออกมาด้วยความทุลักทุเล

นอกจากนี้ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บอีกรายที่ติดคาอยู่ใต้ซากตึก ทราบชื่อ นายสุรศักดิ์ หรือ เค เปลี่ยนกลัด รหัส ธน 26-35 ซึ่งเป็นน้องชายของนายสุทัศน์ ขาหักสองข้าง มีแผลตามลำตัว เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องตัดถ่าง และใช้เครื่องช่วยหายใจ นำร่างออกมาด้วยความยากลำบาก ซึ่งขณะกำลังช่วยเหลืออยู่นั้น เปลวไฟก็ยังปะทุและลุกลามเข้ามาอีก เจ้าหน้าที่ต้องคอยฉีดน้ำเลี้ยงไว้ ไม่ให้ลุดลามมาถึงคนเจ็บ แต่ฉีดน้ำไว้เพื่อเลี้ยงไฟเท่านั้น หาฉีดให้ดับทันทีอาจทำให้ปูนทรุดตัวทับคนที่ติดอยู่ด้านใน
สอบสวนนายพลกฤษณ์ เหลือพิสุทธิกุล อาย 46 ปี พนักงานบริษัทที่เกิดเหตุ กล่าวว่า บริษัทนี้เป็นของนายอดิสรณ์ โสภา ซึ่งนายอดิสรณ์เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ก่อนโควิด19 ระบาด และกบับประเทศไทยไม่ได้ ก่อนเกิดเหตุมีคนพักอาศัยอยู่ด้วยกัน8 คน ชั้น 2 4 คน ชั้น 3 4 คน ช่วงเวลาประมาณ05.30 น.ได้กลิ่นเหม็นไหม้ จึงชะโงกดูหน้าบ้าน พบเปลวไฟลุกไหม้ในป้อมยามหน้าบ้านที่ติดกับตัวบ้าน ซึ่งในป้อมยามมีปลั๊กที่เสียบปั๊มลมเพียงอย่างเดียว และไม่มียามคอยเฝ้า เพลิงลุกลามเข้าตัวบ้านอย่างรวดเร็ว พวกตนพยายามวิ่งหนีเอาตัวรอดออกมาได้7คน ส่วนนายเกียรติ แพ้ตเตอร์สัน อายุ35ปี เลขาฯของนา ยอดิสรณ์ หนีเจ้าไปหลบอยู่ในห้องน้ำชั้นล่าง และหนีออกมาไม่ได้
ต่อมา 10.00 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู่ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมทีมงาน เดินทางมายังที่้กิดเหตุ และสั่งการสถานการณ์ด้วยตัวเอง ก่อนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตแน่นอนจำนวน 3 ราย แต่อีก 2 รายที่ติดอยู่ด้านใน ทุกคนก็ยังหวังว่ายังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ยังไม่กล้าใช้เครนยกเศษปูนออก เพราะเกรงว่าปูนจะถล่มไปทับคนที่ยังคิดค้างอยู่ จึงทำได้แค่ค่อยๆรื้อเศษปูนจากด้านหน้าและด้านข้างบ้านฝั่งขวา เพื่อให้เข้าไปหาคนที่ติดค้างให้ได้

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือหลังจากดับไฟแล้ว ได้เกิดเหตุการณ์อาคารถล่มจึงทำให้เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยเสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บอีก 5 คน และยังมีคนติดอยู่ในอาคารอีกจำนวนหนึ่ง ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งให้การช่วยเหลือ โดยสามารถนำผู้บาดเจ็บออกจากอาคารได้แล้วเป็นบางส่วน และกำลังพยายามช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ในอาคารที่ถล่มให้ได้มากที่สุด
ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ติดตามเหตุการเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในซอยอัญมณี 17 หมู่บ้านกฤษดานคร 31 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ส่งผลให้อาคารถล่มเสียหายทั้งหมด พร้อมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และแสดงความเสียใจต่ออาสาสมัครป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ด้วย โดยขอชื่นชมในความมุ่งมั่นและเสียสละทำงานเพื่อประชาชนของเจ้าหน้าน้าที่ จึงขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และส่งกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคน ขอให้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังสูงสุด
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นกรณีพิเศษ พร้อมดูแลเยียวยาสภาพจิตใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยการสูญเสียเจ้าหน้าที่ระหว่างปฏับัติงาน ถือว่าเป็นการสูญเสียที่มีความสำคัญยิ่ง นอกจากนี้ ยังให้ดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างดี ป้องกันการสูญเสียให้ได้มากที่สุด
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เมื่อหาสาเหตุเพลิงไหม้ได้แล้ว นายกรัฐมนตรี ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้สรุปบทเรียน พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบทั่วกัน เพื่อสร้างความรับรู้ เป็นแนวทางป้องกันในอนาคต นอกจากนี้ ยังขอให้ประชาชน ระมัดระวังอัคคีภัย เพราะฤดูร้อนเป็นช่วงที่มีสถิติการเกิดเพลิงไหม้สูง เนื่องจากสภาพอากาศร้อน แห้งแล้ง และลมพัดแรง เมื่อเกิดเพลิงไหม้ไฟจึงลุกลามอย่างรวดเร็ว และยากต่อการควบคุม จึงขอให้ประชาชนอย่าประมาท