พิธา จัดหนัก ทางสองแพร่ง ประยุทธ์ หรือ ประเทศ

“พิธา” จัดหนัก ประยุทธ์ อ้างสถาบัน เพื่อประโยชน์ทางการเมือง สร้างความเสื่อมเสีย ไม่ได้เข้าใจหลักการปกครองประเทศ
เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 19 ก.พ. ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายสรุปญัตติไม่ไว้วางใจในส่วนของพรรคก้าวไกล ว่า รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่อราษบังหลวง เอื้อนายทุน ทำลายหลักนิติรัฐเพื่อพรรคพวกของตัวเอง ปล่อยปะละเลยให้เกิดการทุจริตในกองทัพ แม้แต่กางเกงใน ถุงเท้าของทหารเกณฑ์ ก็ยังกิน กินหิน กินดิน ไปจนถึงรถบัสของกองทัพ ไม่มีการปฏิรูปกองทัพอย่างที่มีการรับปากปรชาชน โดยในปีที่ผ่านมา ยังพบว่าลูกหลานคนไทยเสียชีวิตจากการเกณท์ทหารจำนวนมาก

นายพิธา กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจสร้างโครงการนิคมจะนะ จ.สงขลา ทั้งที่โครงการไม่เกิดประโยชน์ ทำลายวิถีชีวิตและทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นสมบัติของประเทศและประชาชน มีการเอื้อเจ้าสัวพลังงานรายใหญ่ โดยการสร้างท่าเรือน้ำลึก และลงทุนขนาดใหญ่ รวยเป็นแสนๆล้าน นอกจากนี้ ยังปล่อยให้ทายาทของเครื่องดื่มชูกำลัง หลบหนีคดีขับรถชนตำรวจ
นายพิธา กล่าวว่า พล.อ.ปประยุทธ์ ยุยงปลุกปั่น สร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติ โดยมีการใช้ทหารปฎิบัติการ IO สร้างกองทัพไซเบอร์ โจมตีฝ่ายตรงข้าม และ พล.อ.ประยุทธ์ ยังสร้างความร้าวฉานให้กับคนในประเทศ โดยปฎิบัติการ IO มี 4 เป้าหมาย 1) อวยกองทัพ 2) อวย พล.อ.ประยุทธ์ 3) เบี่ยงประเด็นกราดยิงโคราช 4) ขยี้อดีตพรรคอนาคตใหม่ โดยในสายตาของ พล.อ.ประยุทธ์ มองว่า ประชาชนไม่ได้เป็นเจ้าของประเทศ เป็นกลุ่มคนที่ต้องสร้างให้เกิดความแตกแยก เพื่อที่จะได้ปกครองโดยง่าย
นายพิธา กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ บริหารงานด้านเศรษฐกิจแบบเช้าชามเย็นชาม บริหารงานอยู่บนหอคอยงาช้าง ทำให้ประเทศไทยได้รับวัคซีนช้ากว่าหลายประเทศ ไม่เข้าใจในสถานการณ์

นายพิธา เริ่มอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยกล่าวว่า จากนี้จะมีการพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ตรงตามญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
นายพิธา กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันฯกับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน อ้างสถาบันมาเป็นเกราะกำบังความผิดพลาดในความล้มเหลวของการบริหารราชการแผ่นดิน
ทั้งนี้ ระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติริย์ทรงเป็นประมุข มีหัวใจสำคัญอยู่ 3 ประการคือ ประชาธิปไตยราชอาณาจักร และ รัฐสภา
ประชาธิปไตย คือการให้อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ต้องถูกตรวจสอบได้ ราชอาณาจักร เป็นประมุขของรัฐ ที่สืบทอดตามสายโลหิต ตามกฎมณเฑียรบาล และรัฐสภา เพื่อแบ่งแยกอำนาจ

นายพิธา กล่าวว่า ตลอด 7 ปี ที่ผ่านมา พล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เข้าใจบทบาทนายกรัฐมนตรีตามระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติริย์ทรงเป็นประมุข โดยนำสถาบันพระมหากษัตริย์ มาเป็นเกราะป้องกันคุ้มครองตัวเองตลอดมา เช่นปัจจุบันมีการใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ดำเนินคดีกับนักศึกษาที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบัน
โดยปัจจุบันมีการขังผู้ชุมนุมตามมาตรา 112 อย่างไม่มีกำหนด คือ เพริษฐ์ ชิวารักษ์, อานนท์ นำภา, ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม และ สมยศ พฤกษาเกษมสุข และหลังจากนี้ยังมีแนวโน้มว่าประชาชนอีกหลาย 100 คนจะต้องถูกจองจำด้วยกฏหมายดังกล่าวทั้งที่เดิมที พล.อ.ประยุทธ์ ได้อ้างว่าจะไม่ใช้กฎหมายดังกล่าว โดยจะเห็นว่าการใช้กฎหมายลักษณะนี้ จะยิ่งสร้างความแตกร้าวให้กับประชาชนกับสถาบันขึ้นไปอีก
“เราพยายามหาทางออกให้เรื่องนี้โดยตลอด แต่ก็ถูกกล่าวหาว่าเราอยู่เบื้องหลังการชุมนุมเพื่อล้มล้างสถาบัน ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะไม่ปล่อยให้พูดถึงเรื่องสถาบันไปเรื่อยๆแบบนี้ ผมว่าน่าจะนำเรื่องสถาบันมาพูดกันในสภา ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยของทุกฝ่าย ให้ทุกพรรคให้ประชาชนทุกกลุ่มมาพูดคุยกันอย่างมีเหตุผลและมีวุฒิภาวะ ซึ่งเป็นหนทางให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงยั่งยืน”
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุ ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แถลงว่าประเทศไทยได้รับวัคซีนจากพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งเป็นการพูดโดยไม่มีความระมัดระวัง หากมีความผิดพลาด ถามว่าใครจะรับผิดชอบ นอกจากนี้ เมื่อมีการชุมนุมประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ ก็มักอ้างสถาบัน เช่น กล่าวว่า รัชกาลนี้ ต้องไม่มีม็อบ เป็นต้น
เขา กล่าวว่า ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงไม่ต้องแปลกใจ เมื่อมีการชุมนุมต่อต้านพิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย
“นายกรัฐมนตรีที่ดีในระบอบนี้ต้องมีบทบาท 1.เป็นทั้งห้ามล้อ ไม่ให้พระราชอำนาจขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2.เป็นทั้งกันชน ไม่ให้มีเรื่องเสื่อมเสียไปถึงสถาบัน เมื่อไหร่ก็ตามที่พระราชอำนาจจะขยายกระทบต่อรัฐธรรมนูญ ผู้นำฝ่ายบริหาร จะต้องถวายทางเลือกที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ นายกฯต้องไม่เอาสถาบันมาพูดอย่างพร่ำเพรื่อ เพื่อสร้างแรงสนับสนุนให้ตัวเอง จนทำให้ประชาชนตั้งคำถามไปถึงสถาบัน นายกรัฐมนตรีที่ดีต้องสนับสนุนให้สถาบันอยู่เหนือการเมือง แต่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ บอกให้ประชาชนเลือกผู้ที่จะทำให้สถาบันปลอดภัย แต่เมื่อพรรคการเมืองที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้สนับสนุน แพ้การเลือกตั้ง ก็มีการยึดอำนาจรัฐประหาร ซึ่งเป็นการส่งผลร้ายต่อสถาบัน”

“ประเทศนี้มาถึงทางสองแพร่งที่จะต้องเลือกระหว่างประยุทธ์หรือประเทศ ถ้าเราเลือกคุณประยุทธ์ ผมเกรงว่าเราจะไม่มีประเทศหลงเหลือ ถ้าเราเลือกประเทศ คุณประยุทธ์ เป็นสลักแรกที่จะต้องถอดออก ถ้าสภาเราโหวตให้คุณประยุทธ ก็แสดงว่าจิตสำนึกของสภาแห่งนี้ เห็นชอบกับความเร็วร้ายทั้งปวงภายใต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”
นายพิธา กล่าวว่า ถ้าเราเลือก พล.อ.ประยุทธ ก็แสดงว่าเราเห็นด้วยกับการปกครองแบบใหม่ ที่รัฐบาลสามารถอ้างพระกระแสรับสั่งมากลบเกลื่อนความผิดพลาดของตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับสถาบัน ถ้าเราเลือกประเทศจะเท่ากับว่าเราได้ทลายเส้นแบ่งของความพยายามแบ่งคนออกเป็นสองฝ่าย แล้วเราก็จะเห็นว่าปัญหาที่แท้จริงนั้น คืออะไร