ห่วงฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิงสถาบันฯ ชวน พิจารณาญัตติก่อน
ชวน หลีกภัย ขอเวลาพิจารณาญัตติ หลังรัฐบาล ไม่สบายใจฝ่ายค้านอาจอภิปรายพาดพิงสถาบันฯ เสรีพิศุทธ์ ยัน ไม่แตะ
เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลเตรียมเสนอแก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอในส่วนเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า ขณะนี้ต้องรอรายงานจากฝ่ายผู้มีหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดญัตติก่อน ซึ่งคาดว่าทางเจ้าหน้าที่จะส่งเรื่องมาให้ภายในสัปดาห์นี้ เพราะหากมีเรื่องต้องปรับแก้ไขต้องดำเนินการภายใน 7 วัน จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นเรื่องดังกล่าวได้ในขณะนี้
เมื่อถามว่า ในอดีตเคยมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจและเชื่อมโยงไปถึงสถาบันหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ตามข้อบังคับการอภิปรายไม่ไว้วางใจมีกำหนดไว้ว่าสามารถอภิปรายเรื่องใดได้บ้าง หรือห้ามอภิปรายเรื่องใดบ้างที่ไม่จำเป็น ทั้งนี้หากเรื่องดังกล่าวมาถึงแล้ว จะพิจารณาและประสานไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง และหากต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาในญัตติก็ไม่กระทบกรอบเวลา
ทางด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียะเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีที่มีข้อเรียกร้องจากฝ่ายรัฐบาลให้ฝ่ายค้านกลับไปทบทวนญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 10 คน ซึ่งอาจมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน ว่า พรรคเสรีรวมไทยยืนยัน ว่าพรรคไม่มีการอภิปรายที่กล่าวถึงสถาบันฯ ซึ่งญัตติที่รวบรวมส่งไปยังประธานสภานั้น มีความสมบูรณ์แล้ว ตามข้อบังคับการประชุมสภาได้ระบุชัดเจนว่า ห้ามกล่าวถึงสถาบันโดยไม่จำเป็น แต่หากพบว่าในการอภิปรายมีการกล่าวถึงสถาบันและมีความไม่เหมาะสมก็สามารถคัดค้านต่อที่ประชุมได้
ส่วนพรรคเพื่อไทย นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านครั้งนี้ เนื่องจากการบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมาของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ส่งผลกระทบให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก โดยไม่แสดงความรับผิดชอบ รวมถึงการใช้อำนาจและกฎหมาย มีการเลือกปฏิบัติ ด้วยการใช้งบประมาณสร้างความนิยมให้กับตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความทุกข์ยากของประชาชน
นายการุณ กล่าวต่อว่า การกำหนดนโยบายที่มีแต่ข้อผิดพลาด ไม่ครอบคลุม และหลายนโยบายเอื้อให้กับเอกชนเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ จากงบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชน ยกตัวอย่าง นโยบายล่าสุด คือ เราชนะ จะเห็นว่ามีผู้เดือดร้อนหลายล้านคน ที่เข้าไม่ถึงความช่วยเหลือของรัฐ เพราะไม่สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันได้ ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลควรต้องจ่ายให้ทุกคนโดยไม่มีเงื่อนไข แต่รัฐบาลเลือกที่จะช่วยเหลือเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น ทั้งนี้ จากการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด ล้มเหลว และการใช้งบประมาณที่หมดไปกับโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน รวมทั้งการปล่อยปละละเลยให้มีอบายมุขด้านต่าง ๆ ระบาดไปทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบ่อนการพนัน ยาเสพติด ยาบ้า ล่าสุดคือยาเคนมผง ที่หาซื้อง่ายยิ่งกว่าลูกอมตามท้องตลาด ทั้งหมดเกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล ที่ส่งผลให้สถิติอาชญากรรมเพิ่มขึ้นจนกระทบกับการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชน
“แม้ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านไม่สามารถที่จะล้มรัฐบาลได้ เพราะเสียงสนับสนุนรัฐบาลมีจำนวนมากกว่า แต่เชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้ จะเปิดแผลเน่าของรัฐบาลที่ซุกอยู่ใต้พรม ออกมาให้ประชาชนได้รับทราบความจริง ทั้งการทุจริตเชิงนโยบาย ความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณของรัฐ และสุดท้ายคือ การทอดทิ้งประชาชนให้เผชิญกับความเสี่ยงในการใช้ชีวิต ท่ามกลางวิกฤติไวรัสโควิด-19 ระบาด นอกจากนี้ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสำคัญกับการอภิปรายครั้งนี้ อย่าโวยวาย ตื่นตระหนก หวาดกลัว แต่ขอให้ตั้งสติ และตั้งใจฟังคำอภิปราย” นายการุณ กล่าว