สรุปข่าว 06-12-63
ส่องหุ้นไทย : บล.กสิกรไทย คาดการณ์ตลาดไทยในสัปดาห์หน้า (7-11 ธ.ค.) ดัชนีมีแนวรับที่ 1,430 และ 1,415 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,465 และ 1,485 จุดตามลำดับ โดยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ
ประเด็นการเมืองของไทย การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ตลอดจนประเด็น Brexit ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ย. ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 3/63 ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน.
น้ำมันขยับขึ้น : ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบซื้อข่ายล่วงหน้าในตลาดโลกช่วงปลายปี ยังคงขยับขึ้นเหมือนปีก่อนๆ เพราะปริมาณความต้องการใช้ในช่วงฤดูหนาวของหลายๆ ประเทศมีเพิ่มขึ้น ล่าสุด ปิดตลาดเมื่อเช้ามืด 6 ธ.ค. ในไทยพบว่า ราคาน้ำมับดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ซื้อขายล่วงหน้า งวดส่งมอบเดือน ม.ค.ปีหน้า ปิดเพิ่มขึ้น 0.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (0.99%) มาอยู่ที่ระดับ 46.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 0.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (0.34%) ที่ระดับ 49.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล.
ทองโลกตก : วัคซีนสู้โควิดฯมีผลต่อการตัดสินของนักลงทุนทั่วโลก ล่าสุด ราคาทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ ที่ปิดตลาดช่วงเช้า 6 พ.ย.ของไทย ปรับตัวลดลง 3.65 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (-0.20%) ปิดที่ 1,837.32 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านสมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำเพียงครั้งเดียว และเป็นราคาเดียวกับราคาปิดเมื่อวันก่อน ไม่มีการปรับราคาแต่อย่างใด โดยราคาซื้อทองคำแท่ง บาทละ 26,200 บาท ขาย 26,300 บาท ขณะที่ราคาซื้อทองคำรูปพรรณ 25,726.52บาท ขาย 26,800 บาท.
บาทแข็งต่อ : แบงก์กสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับหน้า (7-11 ธ.ค.) ที่ 30.00-30.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยประเมินปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ มาตรการดูแลเงินบาทระยะที่ 2 ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ ปัจจัยทางการเมืองและสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ย. ที่วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิต จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) สำหรับเดือน ธ.ค. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป และการประชุม EU Summit และข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือน พ.ย. ด้วยเช่นกัน.
จุดเทียนมหามงคล : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเป็นประธานในพิธีจุดเทียนมหามงคล สดุดีพระเกียรติคุณและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9 เนื่องในวันคล้ายวัน พระบรมราชสมภพ วันพ่อแห่งชาติ และวันชาติ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และภริยา เข้าเฝ้าฯ ท่ามกลางมหาสมาคมของประชาชนทุกหมู่เหล่า ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง.
ทรงห่วงใย : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นำเงินที่ประชาชนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย 41,500 บาท ร่วมกับพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ไปจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีวิตเบื้องต้น บรรจุในถุงพระราชทานสำหรับนำไปพระราชทานแก่ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยในภาคใต้ พร้อมทั้งจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อพระราชทานอาหารแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัย ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ด้วยทรงห่วงใย และทรงใส่พระราชหฤทัย กับทรงติดตามความเดือดร้อนของราษฎรจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคใต้.
ลุงตู่ลงใต้ : พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุ จะต้องลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ด้วยตัวเองในวันที่ 7 ธ.ค. เพราะถือเป็นอีกสถานการณ์หนึ่งที่คนไทยทุกคนกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งภาครัฐพยายามหาวิธีการช่วยเหลือประชาชนให้กับทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ โดยจะมอบเครื่องอุปโภคบริโภค ที่ศูนย์ศิปลาชีพบ้านเนินธัมมัง ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์จากผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่.
กระจอกงอกง่อย : นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สธ. ย้ำว่า แม้จะพบผู้เชื้อโควิดฯในประเทศจากผู้ลักลอบเข้าประเทศ แต่จุดเริ่มต้นมาจากที่เดียวกันหมด เท่ากับว่ายังไม่มีการแพร่กระจายระยะสอง เพราะไม่ได้แพร่จากทุกทิศทุกทางเหมือนช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยสัปดาห์หน้าตนและรมว.ท่องเที่ยวฯ จะลงไปสร้างความมั่นใจให้กับพื้นที่และให้กำลังใจคนทำงานหน้า ขอให้มั่นใจไม่จำเป็นต้องปิดจังหวัด เพราะโควิดฯกระจอกงอกง่อยถ้าเราเข้าใจและมีอาวุธพร้อม.
สร้างสะพานเหล็ก : นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ระบุ กรมทางหลวง ได้ติดตั้งสะพานเบลีย์ (สะพานเหล็ก) ในพื้นที่น้ำท่วมทางภาคใต้แล้วรวม 3 แห่ง เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางสัญจรได้ในช่วงนี้ ทั้งนี้ ขอให้ผู้ใช้ทางโปรดใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด หากต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือ ต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อ ได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586.
เพิ่มหน่วยบัตร : นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า วานนี้ (5 ธ.ค.) สปสช. ได้ขึ้นทะเบียนคลินิกเอกชนเพื่อร่วมเป็นหน่วยบริการบัตรทอง 9 แห่ง พร้อมกับลงทะเบียนหน่วยบริการประจำให้ประชาชนที่อยู่ใกล้คลินิก 8,000 คนต่อ 1 คลินิก รองรับดูแลประชาชน 70,000 คน ก่อนหน้านี้ (1 ธ.ค.) ได้ขึ้นทะเบียนคลินิกที่เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการบัตรทองเพิ่มอีก 18 แห่ง รองรับดูแลประชากรได้อีก 144,000 คน ทั้งนี้ รวมหน่วยบริการที่ขึ้นทะเบียนแล้วในขณะนี้ 34 แห่ง รองรับประชากรประมาณ 266,000 ราย และยังมีคลินิกที่สมัครเข้าร่วมให้บริการและอยู่ระหว่างการตรวจประเมินอีก อาจได้ถึงกว่า 200 แห่งภายในสิ้นปีนี้.