คลังหวังปี’67 ดึงนักเที่ยวต่างชาติแตะ 40 ล.คน
“อาคม” หวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐเพิ่มการใช้จ่ายในประเทศมั่นใจ! โลกมีวัคซีนสู้โควิดฯดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยปีหน้า 8 ล้านคาดดันจีดีพีปี’64 พุ่ง 4-4.5% ตั้งเป้าปี’57 ดึงนักท่องเที่ยวเทียบปี’62 ที่ 40 ล้านคน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวในงาน THAILAND 2021 : New Game, New Normal จัดโดย นสพ.ประชาชาติธุรกิจ เครือมติชน ณ โรงแรม ดิ แอทธานี โฮเทล เพลินจิต เมื่อช่วงสายวันที่ 2 ธ.ค.2563 ว่า ในเชิงนโยบายนั้น การจะทำให้ทุกคนในสังคมไทย มีความหวังภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ถือเป็นเรื่องยาก แต่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว ผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายๆ โครงการ
ก่อนหน้าจะเกิดวิกฤตโควิดฯ รัฐบาลได้ออกโครงการชิมช้อปใช้, เราเที่ยวด้วยกัน ฯลฯ หลังจากนั้น ก็มีโครงการเราไม่ทิ้งกัน (เยียวยา) 5,000 บาทเป็นเวลา 3 เดือน, โครงการคนละครึ่ง, ช้อปดีมีคืน ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงเน้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการคนละครึ่งและช้อปดีมีคืน เฟสใหม่ รวมถึงนำโครงการเราเที่ยวด้วยกัน กลับมาช่วยส่งเสริมและกระตุ้นการใช้จ่ายเงินของคนไทยในปีหน้า หลังจากมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในปี 2563
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคาดหวังจะได้เห็นรัฐบาลทั่วโลก นำวัคซีนมาต่อสู้กับไวรัสโควิด อันจะส่งผลดีต่อการเดินทางและการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประเทศไทยเกือบ 40 ล้านคน คิดเป็น 12% ของจีดีพี คาดว่าในปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยประมาณ 8 ล้านคน
ทั้งนี้ หากวัคซีน รวมถึงมาตรการด้านสาธารณสุขของไทย สร้างความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ กระทั่ง รัฐบาลของประเทศต้นทาง อนุญาตให้นักท่องเที่ยวของตน เดินทางมายังประเทศไทยได้ อาจทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเป็นดับเบิ้ล (2 เท่าตัว) หรือราว 16 ล้านคนในปี 2565, 32 ล้านคนในปี 2566 และตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะขึ้นมาอยู่ในระดับ 40 ล้านคนในปี 2567 หรือราว 4-5 ปีนับจากนี้
“ปีหน้า รัฐบาลมองเห็นแนวโน้มความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล และเตรียมการมือรับ ด้วยการทำโครงการ “เนชั่นแนล อี-เพย์เม้นท์” มาก่อนหน้านี้ ทั้งในแง่ G2G G2B และ G2C รวมถึงเร่งปรับโครงสร้างภาษีใหม่ให้เหมาะกับสภาพความเป็นไปทางธุรกิจในยุคดิจิทัล ใน 3 กลุ่มหลัก เช่น กลุ่มสตาร์ทอัพ, ธุรกิจสีเขียวและสิ่งแวดล้อม รวมถึงธุรกิจทางด้านสุขภาพ” รมว.คลัง ย้ำ และว่า
ในปี 2563 ที่ผ่านมา รัฐบาลเน้นการใช้จ่ายภายในประเทศเป็นหลัก ผ่านมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะ แต่ในปีหน้า เมื่อมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย.