สรุปข่าว 15-11-63
ส่องหุ้นไทย : นักวิเคราะห์มองแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า (16-18 พ.ย.) แม้จะมีวันทำการซื้อขายหุ้นเพียง 3 วัน เพราะรัฐบาลสั่งเป็นวันหยุดชดเชย
กระนั้น ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ จากเงินบาทที่ยังแข็งค่าทำให้เป็นแรงหนุน Fund Flow ไหลเข้า พร้อมให้แนวต้าน 1,357-1,360 จุด ส่วนแนวรับ 1,335-1,340 จุด นอกจากนี้ นักลงทุนยังต้องติดตามปัจจัยในประเทศเป็นหลัก ทั้งผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 3/63 ของไทย, ยอดขายรถยนต์ในประเทศ, การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 พ.ย.นี้ ส่วนต่างประเทศให้ติดตามความคืบหน้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19
น้ำมันขยับลงอีก : ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ล่าสุด ปิดตลาดเมื่อเช้ามืด 15 พ.ย. ในไทยพบว่า ราคาน้ำมับดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ซื้อขายล่วงหน้า งวดส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลดลง 1.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (-2.43%) มาอยู่ที่ระดับ 40.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือน ม.ค.ปีหน้า ปิดตลาดลดลง 0.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (-1.91%) ที่ระดับ 42.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล.
ทองโลกขยับแรง : ราคาทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ ปิดตลาดช่วงเช้า 15 พ.ย.ของไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรกสุดๆ จากวันก่อนถึง 15.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (+0.80%) ปิดที่ 1,888.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านสมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำเพียงครั้งเดียว เพิ่มขึ้นจากราคาปิดเมื่อวันก่อน 100 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้อที่ 26,850บาท ขาย 26,950บาท ขณะที่ทองรูปพรรณ รับซื้อที่ 26,363.24 บาท และขายที่ 27,450บาท แต่หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกขยับขึ้นมาแรงนั้น คาดว่าสัปดาห์ราคาทองคำในไทย น่าจะปรับตัวได้มากกว่านี้.
บาทแข็งต่อ: แบงก์กสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์หน้า (16-20 พ.ย.) ที่ 30.00-30.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 3/63 ของไทย ผลการประชุมนโยบายการเงินของกนง. ประเด็นทางการเมืองของสหรัฐฯ รวมถึงปัจจัยทางการเมืองของไทย.
อาเซียน+3 : พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุหลังร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน+3 ครั้งที่ 23 ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีผู้นำและผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียนจากทั้ง 10 ประเทศ พร้อมปธน.เกาหลีใต้ นายกฯญี่ปุ่น และนายกฯจีน เข้าร่วมด้วย ย้ำว่า ไทยพร้อมสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก และประชาคมเอเชียตะวันออกที่แข็งแกร่ง มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยเสนอ 3 แนวทาง 1. เสริมสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุขอย่างยั่งยืน 2.สร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และ 3. สานต่อการเสริมสร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ.
สรุปไบเดนชนะ : ผลการนับคะแนนเลือกตั้งชิงเก้าอี้ ปธน.สหรัฐ ที่เครือข่ายสถานีโทรทัศน์ของสหรัฐ เช่น เอบีซีและซีเอ็นเอ็นรายงานว่า อดีตรองประธานาธิบดีไบเดน ตอกย้ำชัยชนะด้วยการเป็นผู้ชนะ ปธน.ทรัมป์ ในรัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็น 1 ใน 5 รัฐ ที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งส่วนใหญ่หันมาลงคะแนนเลือกไบเดน หลังจากเคยช่วยให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2559 ส่วนทรัมป์ชนะที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา ทำให้สรุปยอดรวมทั้งหมด ไบเดนได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง 306 คน ส่วนทรัมป์ได้ 232 คน และเป็นที่แน่นอนว่า ไบเดน คือ ว่าที่ ปธน.สหรัฐคนใหม่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว.
การ์ดติดโควิดฯ : สื่อต่างประเทศรายงานตรงกันว่า การ์ดของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นจำนวนมาก โดย นสพ.วอชิงตันโพสต์ ระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ซีเคร็ตเซอร์วิสติดไวรัสโคโรนา หรือต้องกักกันโรค เนื่องจากสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ รวมมากกว่า 130 นาย ขณะที่ เอเอฟพี ชี้ว่า การระบาดเกิดขึ้นภายหลังเจ้าหน้าที่หลายนายเดินทางไปพร้อมกับคณะหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จำนวนมากและผู้เข้าร่วมฟังการปราศรัยหาเสียงของทรัมป์ส่วนใหญ่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ด้าน นสพ.นิวยอร์กไทมส์ ย้ำ เจ้าหน้าที่ซีเคร็ตเซอร์วิสในเครื่องแบบอย่างน้อย 30 นาย ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ มีอีกราว 60 คนได้รับคำแนะนำให้กักตัว.
ม็อบ 14 พ.ย. : การชุมนุมของกลุ่มนักเรียนเลว ม็อบเฟสต์ และกลุ่มผู้หญิงปลดแอก บริเวณ ถ.ราชดำเนินกลางเฉพาะขาเข้าตั้งแต่แยกคอกวัว จนถึงวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ยาวไปเกือบถึงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ กระทั่งเวลา 18.00 น. การ์ดกลุ่มอาชีวะ ได้นำผ้าขาวขนาดใหญ่ที่เปิดให้ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมเขียนข้อความแสดงความต้องการ ข้อเรียกร้องต่างๆ ว่า อยากเห็นรัฐธรรมนูญเป็นไปในทิศทางใด นำขึ้นไปขึงบนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่า ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นฉบับประชาชน จนเมื่อเวลา 01.00 น. ได้ประกาศยุติการชุมนุม พร้อมปลดผ้าขาวออก ก่อนแยกย้ายกันกลับ.
รุ้ง-เพนกวินร่วมม็อบ : แกนนำผู้ชุมนุมหลายคนมาร่วมการชุมนุม Mob Fest 14 พ.ย. โดยเฉพาะ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง และนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร รวมถึงคนดัง อย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และแม้ น.ส.ปนัสยา จะไม่ขึ้นเวทีปราศรัย แต่ก็ขอให้กำลังใจผู้ชุมนุม ส่วนตัวแค่อยากมาเดินเล่น ด้าน นายพริษฐ์ ขึ้นปราศรัยบนเวทีแยกคอกวัว ย้ำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่จะต้องเอาอุปสรรคเฉพาะหน้าคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออก และเปิดทางให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อร่างใหม่ทั้งฉบับทุกหมวด ทุกมาตรา เป็นฉบับที่มาจากประชาชน.
4 ข้อจาก MOB FEST : กลุ่ม MOB FEST ได้ ออกแถลงการณ์ 4 ข้อ คือ 1.สมาชิกรัฐสภาต้องเปิดทางสู่การร่าง รธน.ใหม่ในทุกหมวด ทุกมาตรา 2.นายกฯต้องลาออก และเปิดทางให้การแก้ไข รธน. เพื่อร่างใหม่ทั้งฉบับ 3.ร่างแก้ไขรธน.ฉบับประชาชนที่นําเสนอโดย iLaw ถือเป็นมติประชาชน 4.รธน.ทุกหมวดที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ต้องถูกนํามาพิจารณาใหม่ให้สมเหตุสมผล ทันต่อยุคสมัย นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังชักชวนให้มวลชนร่วมจับตาการประชุมรัฐสภาในวันที่ 17 พ.ย.นี้ แต่ยังไม่ระบุว่าจะมีการจัดชุมนุมหรือไม่.
เรื่องใหญ่ : นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ เพื่อไทย ระบุ ตนมาสังเกตการณ์การชุมนุม และนัดกับน้องๆ นักศึกษาแพทย์มาดูแลเรื่องสุขภาพความปลอดภัยผู้มาร่วมงานด้วย ก่อนย้ำว่า ส่วนตัวมองว่าในการประชุมรัฐสภาวันที่ 17 พ.ย. เพื่อพิจารณาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการวัดใจกันว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว. จะมีความจริงใจต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญจริงหรือเปล่า ถ้ายังหลอกประชาชนอีก ตนว่าเรื่องใหญ่แน่ๆ อยากให้มีการรับหลักการทุกร่างไว้ก่อน.