“อาคม” ชี้! กรุงไทยคือแบงก์รัฐ หนุนขับเคลื่อนนโยบายชาติ
“อาคม” ย้ำ! กรุงไทยยังคงเป็นแบงก์รัฐ พร้อมดึงร่วมขับเคลื่อนนโยบายรัฐต่อไป เผย! เตรียมชง ครม.ให้หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ ฝากเงินต่อ ส่วน ปธน.สหรัฐฯคนใหม่ เชื่อเป็นประโยชน์กับไทยมากกว่า
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีธนาคารกรุงไทยไม่ได้มีบทบาทเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป ว่า แม้ในความหมายของ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีฯ จะเป็นเช่นนั้น แต่ตามกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว ธนาคารกรุงไทย ยังคงเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่มีรัฐบาลถือหุ้นใหญ่และยังคงเป็นกลไกสำคัญในการดำเนินงานสนองตอบการดำเนินนโยบายของรัฐ จึงพูดได้ว่าธนาคารกรุงไทยคือธนาคารของรัฐ ทั้งนี้ ในส่วนเงินฝากที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจได้ฝากเอาไว้ธนาคารกรุงไทย ตนก็จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีได้พิจารณา เพื่อคงการดำเนินงานรับฝากเงินต่อไป
“โครงการ/มาตรการจากนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นคนละครึ่ง หรือช้อปดีมีคืน กระทรวงการคลังยังคงให้ธนาคารกรุงไทยรับผิดชอบในส่วนของการรับโอนเงินให้กับผู้เกี่ยวข้องต่อไป รวมถึงการเตรียมการเปิดรับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ที่จะมีขึ้นในต้นปีหน้าด้วย” รมว.คลัง ย้ำ
ส่วนกรณีที่ นายโจ ไบเดน เตรียมจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ จะมีผลกระทบต่อไทย และไทยควรรับมืออย่างไรนั้น? นายอาคม ระบุว่า หากย้อนไปดู นโยบายหาเสียงของชนายไบเดน แล้ว เชื่อว่าน่าจะส่งผลดีและเป็นประโยชน์ต่อไทย โดยเฉพาะนโยบายด้านภาษีที่สหรัฐฯเตรียมจะปรับขึ้น รวมถึงการขึ้นค่าแรง และนโยบาย By America น่าจะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตออกนอกสหรัฐฯ และไทยก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของนักลงทุนกลุ่มนี้
“เราคงต้องรอดูความชัดเจนก่อนว่าจะเหมือนกับที่เขา (นายไบเดน) หาเสียงไว้หรือไม่?” รมว.คลัง ระบุ.