สรุปข่าว 31-10-63
หุ้นร่วงทั้งโลก : ตลาดหุ้นสำคัญของโลก ปิดตลาดเมื่อ 30 ต.ค.63 (ตรงกับเช้า 31 ต.ค.ในไทย) ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 157.51 จุด (-0.59%) ปิดที่ 26,501.60 จุด, เอสแอนด์พี ลดลง 40.15 จุด (-1.21%) ปิดที่ 3,269.96 จุด ขณะที่ แนสแดคเพิ่มขึ้น 42.28 จุด (0.37%) ปิดที่ 11,548.28 จุด
เช่นเดียวกับ นิเคอิ ปรับตัวลดลง 354.81 จุด (-1.52%) ปิดที่ 22,977.13 จุด ขณะที่ ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดตลาดทำการซื้อขายที่ 1,194.95 จุด ปรับตัวลดลง 6.69 จุด (-0.56%) มูลค่าการซื้อขาย 52,725.69 ล้านบาท
น้ำมันโลกลดอีก : ราคาน้ำมันโลก ปิดตลาดเมื่อเวลา 03.59 น.ของวันที่ 31 ต.ค. ตามเวลาประเทศไทย โดยสัญญาซื้อข่ายล่วงหน้า น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส เดือน พ.ย. ลดลง 0.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (-1.11%) ปิดที่ 35.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ เดือน ธ.ค.ปรับลดลง 0.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (-0.97%) โดยราคาปิดอยู่ที่ 37.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล.
ทองไทยลดอีก : ราคาทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.15 ดอลลาร์ (0.60%) ปิดที่ 1,879.01 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในไทย สมาคมค้าทองคำประกาศเปลี่ยนแปลงราคาทองคำตลอดวัน 4 ครั้ง โดยมีราคาเปิด (09.30 น.) ลดลงจากราคาปิดวันก่อน 100 บาท จากนั้น ราคาก็มีแนวโน้มปรับลดขึ้นลงต่อเนื่อง จนราคาปิดสุดท้าย (16.02 น.) ปรับลดลงรวม 150 บาท เมื่อเทียบกับราคาวานนี้ (29 ต.ค.) ซึ่งราคาซื้อทองคำแท่งบาทละ 27,550 บาท ขาย 27,650 บาท ขณะที่ราคาซื้อทองคำรูปพรรณ 27,060.60 บาท ขาย 28,150 บาท.
บาทอ่อนค่าเล็กๆ : ธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเมื่อ 29 ต.ค. ไว้ที่ 31.188 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับวันก่อนที่ 31.170 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แบงก์พาณิชย์ กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถั่วเฉลี่ยที่ใช้ซื้อขายกับลูกค้า โดยกำหนดค่าเงินบาทไว้ที่ 30.9328 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ, 39.7567 บาทต่อ 1 ปอนด์สเตอริง, 35.9409 บาทต่อ 1 ยูโรดอลลาร์, 29.4128 บาท ต่อ 100 เยน, 3.9675 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง, 22.4964 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 7.3607 บาทต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย.
พระราชทานปริญญาบัตร : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประจำปีการศึกษา 2561 ณ หอประชุมใหญ่ โดยพระราชทานพระบรมราโชวาท ตอนหนึ่งว่า “ปริญญาบัตรที่บัณฑิตได้รับ เป็นสิ่งที่มีความหมายและมีความสำคัญมาก เพราะเป็นเครื่องรับรองวิทยฐานะของแต่ละคนว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในวิชาการ สาขาต่างๆ ตามที่ได้อุตสาหะศึกษาล่าเรียนมา บัณฑิตทุกคนจึงมีหน้าที่และความรับผิดชอบ ที่จะต้องนำความรู้ความสามารถที่มีอยู่ ไปใช้สร้างสรรค์ความสำเร็จแก่ตนเองให้สมบูรณ์ ทั้งในด้านอาชีพการงาน ในด้านเกียรติคุณความดี และในด้านการทำประโยชน์เกื้อกูล แก่ส่วนรวมและประเทศชาติ ถ้าทุกคนจะได้ตระหนักในหน้าที่และความรับผิดชอบดังนี้ แล้วมุ่งมั่นทำให้จริง ให้สำเร็จครบถ้วนตามที่”.
อย่าละเมิด : พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยในงานพระราชทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันที่ 31 ต.ค. ภายหลังม็อบเตรียมจัดบิ๊กเซอร์ไพรส์ ว่า ไม่จำเป็นต้องสั่งการให้เตรียมการอะไรเพิ่มเติม เพราะเป็นระเบียบปฏิบัติที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่อยู่แล้ว ปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ เพียงแต่อย่าให้เกิดอันตรายต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยเฉพาะการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง.
ไม่หักหัวคิว : พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. นำ ส.ต.ท.วุฒิชัย หงษ์สำโรง ผบ.หมู่ กก.ตชด.21 จ.สุรินทร์ ผู้ถือป้ายระบุข้อความ “ทำงานเทียบตายนายแดกหัวคิว” มาแถลงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน โดยเจ้าตัวระบุ ภาพที่ถูกถ่ายลงโซเชียล เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ต.ค. หลังชุดกำลังพลของตนเสร็จจากปฏิบัติหน้าที่หลังมีกลุ่มผู้ชุมนุมไปชุมนุมประท้วงหน้าสถานทูตเยอรมนี ทั้งนี้ ตนเห็นป้ายดังกล่าวติดที่ข้างรถเลยแกะออกและชูให้เพื่อนที่มาขอดู ไม่รู้ว่าใครถ่ายภาพเอาไปลงโซเชียล ยันได้เบี้ยเลี้ยงครบ ไม่ถูกหักหัวคิว และไม่ถูกลงโทษตามข่าว.
สอบปากคำ : กลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวหน้า สน.ประชาชื่น หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายาไมค์ หรือภานุพงษ์ จาดนอก ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง จากฑัณฑสถานหญิง เพื่อไปอายัดตัวต่อ หลังได้รับการปล่อยตัวฯ เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อยุธยา ยืนยัน จะสอบปากคำให้แล้วเสร็จ แต่จะไม่มีการนำตัวทั้ง 3 คน ไปขออำนาจศาลฝากขัง ในวันที่ 31 ต.ค.นี้
โบกมือลาจริง : สถานการณ์การเมืองไทยค่อนข้างน่าเป็นห่วงในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ หลายคนวิตกกับภาวะการเผชิญหน้า ที่ฝ่ายต่อต้านม็อบนักเรียนนักศึกษาและประชาชน ได้ถูกปลุกขึ้นมาเพื่อสร้างสถานการณ์ที่ไม่ส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนมากนัก โดยเฉพาะข่าวลือที่ลามจากนักการเมืองไทย ไปสู่นักลงทุนต่างชาติ จนทำหลายวงการพากันเทเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นภาคการลงทุนตรง ขณะที่ “ของใหม่ไม่มา ของเก่าก็เตรียมโบกมือลา ย้ายหนีไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน” ตลาดหุ้นเอง ทั้งสถาบันและนักลงทุนต่างชาติ พากันเทขายหุ้นกันเพลินอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ค่าเงินบาทหลุดต่ำถึงระดับ 30 บาทปลายๆ ซึ่งถือว่าแข็งค่าจนน่าเป็นห่วงแล้ว.
ระวัง! ลอยกระทงออนไลน์ : เฟซบุ๊กเพจ สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อ้างถึง พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ออกมาแจ้งเตือน ให้ระมัดระวังการลงทะเบียนซึ่งต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล บัตรประชาชน หรืออื่นๆ อันอาจทำให้ผู้ไม่หวังดีนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในทางผิดกฎหมาย และจะสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนได้ ทั้งนี้ หากพบการกระทำดังกล่าวทางโซเชียลมีเดีย ให้ระมัดระวังและแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 และ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.
จันทร์สีน้ำเงิน : วันฮาโอวีน หรือ “คืนปล่อยผี” ปีนี้ ตรงกับวันเสาร์ 31 ต.ค. อันเป็นวันสำคัญของชาวไทยและพี่น้องบนผืนแผ่นดินสุวรรณภูมิ เพราะเป็นวัน “ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12” หรือวันลอยกระทง แต่ที่พิเศษสุดๆ ก็คือ ค่ำคืนในวันนี้ จะเป็นวันที่…พระจันทร์มีสีน้ำเงิน (บลูมูน) ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมานานถึง 76 ปี นับจากวันที่โลกเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่ากันว่า ทุกครั้งที่เกิดภาวะ “บลูมูน” ในเดือนใด คนทั่วโลกก็จะได้เห็นพระจันทร์เต็มดวงมากถึง 2 ครั้งในเดือนนั้น แต่ในมุมของความเชื่อและโชคลางแล้ว ขอเตือนบรรดานักท่องราตรี จงระวังเอาตัวไว้ให้ดีกับปรากฏการณ์พิเศษเช่นนี้ เพราะอาจมีบางสิ่งเกิดขึ้นในทางที่ไม่เป็นคุมากนัก ลอยกระทงเสร็จควรกลับไปฉลองที่บ้านใครบ้านมัน เราเตือนคุณแล้ว.