ยอดจ่ายคนละครึ่งกระจายทั่วไทย 234 บ./ครั้ง

ปลัดคลัง ชี้ยอดใช้จ่าย “คนละครึ่ง” กระจายตัวในแหล่งท่องเที่ยวช่วงวัยหยุดยาว ย้ำ! ประชาชนต้องประเมินเอง จะเลือกใช้สิทธิ์โครงการใดที่ให้ประโยชน์สูงสุด ด้าน “รองโฆษกคลัง” เผยตัวเลข “คนละครึ่ง” พุ่ง 8.5 ล้านคนแล้ว ขณะที่ร้านค้าแตะ 3.5 แสนแห่ง เปิดยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 234 บาทต่อครั้ง

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงโครงการที่รัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง เร่งดำเนินการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2564 (หรือช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีปฏิทิน 2563) โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง ที่รัฐบาลออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่งแต่รวมกันไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน และโครงการช้อปดีมีคืน ที่จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีจากการใช้จ่าย 30,000 บาท ตามขั้นอัตราภาษีที่แต่ละฐานผู้เสียภาษีจะได้รับ ว่า ที่ผ่านมามีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยโครงการคนละครึ่ง ตนได้รับรายงานเมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 ต.ค. พบว่า มีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯกว่า 8 ล้านคน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประชาชนต้องเลือกที่จะใช้สิทธิ์ในโครงการคนละครึ่ง หรือช้อปดีมีคืน อย่างหนึ่งอย่างใด ดังนั้น จึงต้องไปพิจารณาถึงประโยชน์สูงสุดที่ได้รับจากทั้ง 2 โครงการว่าโครงการไหนจะผลประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ หากผู้ที่ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง เปลี่ยนไปใช้สิทธิ์ในโครงการช้อปดีมีคืน เพราะได้รับผลประโยชน์มากกว่า สามารถปล่อยให้สิทธิ์ดังกล่าวสิ้นสุดลง โดยไม่ใช้จ่ายในช่วง 14 วันหลังได้รับสิทธิ์นั้น อย่างไรก็ตาม ตนไม่ห่วงว่าประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งจะมีต่ำกว่า 10 ล้านคน เพราะยอดดังกล่าวเป็นเพียงยอดสูงสุดที่กำหนดไว้ หากจะมีน้อยกว่านี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า การใช้จ่ายเงินในโครงการคนละครึ่งมีน้อยเกินไป ส่วนตัวกลับเห็นต่าง เพราะจากรายงานที่ได้รับ พบว่ามีประชาชนเดินทางไปใช้จ่ายในพื้นที่ท่องเที่ยวตามต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดยาวเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม คงต้องรอการยืนยันจากผู้เกี่ยวข้องต่อไป
ด้าน นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งได้เปิดให้ประชาชนใช้จ่ายวันแรกตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. เป็นต้นมา พบว่าขณะนี้มีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกว่า 8.5 ล้านคน และมีร้านค้าร่วมโครงการกว่า 3.5 แสนร้านค้า โดยในช่วงเที่ยงของวันที่ 26 ต.ค. มีผู้ใช้สิทธิแล้ว 1,245,528 คน ยอดใช้จ่ายรวมทั้งหมด 502.9 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 259.4 ล้านบาท และรัฐช่วยจ่ายอีก 243.5 ล้านบาท โดยมียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 234 บาทต่อครั้ง
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดของการใช้จ่ายพบว่า มีการใช้จ่ายมากที่สุดเรียงลำดับ ได้แก่ ร้านธงฟ้า ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้านค้าทั่วไป และร้าน OTOP โดยใช้จ่ายครบทุกจังหวัด ซึ่งจังหวัดที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ นครศรีธรรมราช และสงขลา

รองโฆษกกระทรวงการคลัง ย้ำว่า ประชาชนยังสามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ในช่วงเวลา 06.00 – 23.00 น. ต่อเนื่องทุกวัน จนกว่าจะครบ 10 ล้านคน โดยท่านที่ได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ ติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว จะต้องใช้จ่ายภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ตนได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิ หรือนับตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. สำหรับผู้ที่ได้รับ SMS ก่อนวันดังกล่าว มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิและไม่สามารถลงทะเบียนได้อีก
สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ในช่วงเวลา 06.00 – 23.00 น. หรือ ณ สาขาหรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทย ซึ่งขณะนี้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงการคลังได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์และอำนวยความสะดวกในการรับสมัครผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการ โดยให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านเข้ามาช่วยในการยืนยันข้อมูลผู้ประกอบกิจการร้านค้า เพื่อให้มีร้านค้ารองรับการใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มมากขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ.