ธนารักษ์ผุด “ส่วนป่าฯ-เมืองท่องเที่ยวสุขภาพ”
ธนารักษ์ เปิดแผนรุกสร้างโครงการเพื่อสังคมและเชิงพาณิชย์ ชูโครงการสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ 2-3 ย่านโรงงานยาสูบฯ ร่วมกับ ทบ. และจับมือ สธ.สร้างเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลกที่ภูเก็ต พร้อมปรับเกณฑ์ให้ขรก.กลุ่ม “ทหาร-ตำรวจ-อปท.-ส่วนท้องถิ่น” ได้สิทธิโครงการที่พักอาศัยเชิงสูง ตั้งเป้าขยายโครงการใหม่ใน 9 จ.ชั้นนำ เน้นใจกลางเมือง ขนาด 40 ตร.ม. ขายถูกแค่ 9.9 แสนต่อห้อง
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวถึงการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2564 ว่า กรมธนารักษ์จะเน้นดำเนินงานเชิงรุก ทั้งส่วนที่เป็นโครงการเพื่อสังคมและโครงการเชิงพาณิชย์ โดยใช้ที่ดินราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ และบางส่วนรับคืนจากส่วนราชการ เพื่อนำมาดำเนินการฯ ซึ่งในส่วนโครงการเพื่อสังคม ทั้งนี้ กรมฯมีแผนจะทำงานร่วมกับกองทัพบก (ทบ.) ในการจัดทำ สวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ 2-3 บริเวณที่ดินส่วนที่เคยเป็นของโรงงานยาสูบ ย่านคลองเตย บนพื้นที่เกือบ 300 ไร่ และจะแถลงข่าวร่วมกับ ทบ.ในวันที่ 26 ต.ค.นี้
“เราจะสร้างสวนป่าที่สมบูรณ์แบบ โดยนำต้นไม้และพันธุ์ไม้ที่เคยมีอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯในอดีต มาปลูกในสวนป่าแห่งนี้ พร้อมสร้างแหล่งน้ำ ซึ่งไม่เพียงจะเป็นปลอดให้กับคนกรุงเทพฯและนักท่องเที่ยว แต่ยังจะเป็นแหล่งอาศัยของนกข้ามถิ่น ตั้งเป้าจะให้แล้วเสร็จช่วงเดือน มิ.ย.64 เพื่อเตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวันที่ 12 ส.ค.2564” นายยุทธนา ย้ำและว่า ทั้งโครงการจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2564
นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ยังร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข โดยมอบ ที่ดินราชพัสดุ แปลงหมายเลขทะเบียนที่ ภก.153 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต รวม 141-2-64 ไร่ ให้นำไปจัดสร้างโครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก (Phuket Medical Tourism into a World Class Medical and Wellness Tourist Destination) โดยจัด สร้างศูนย์บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับนานาชาติครบวงจร (International Health Plaza) ศูนย์อภิบาลสุขภาพผู้สูงอายุนานาชาติ(Premium Long Term Care) ศูนย์ใจรักษ์ (Hospice Care) และ ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูครบวงจร (Rehabilitation Center) ภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
“กรมธนารักษ์จะยกที่ดินแปลงดังกล่าวให้กับกระทรวงสาธารณสุขโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพราะเชื่อว่าการเกิดขึ้นของโครงการดังกล่าว จะช่วยให้ จ.ภูเก็ต กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพชั้นนำระดับประเทศและระดับเอเชีย เบื้องต้น ผู้เกี่ยวข้องจะลงทุนราว 2,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการในระยะแรก และหากรวมโครงการในระยะต่อไปคาดว่า จะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท” นายยุทธนา ระบุ และว่า กรมฯมีแผนจะร่วมพิธีมอบหนังสืออนุญาตฯ ให้กับกระทรวงสาธารณสุข ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานในพิธีฯ ที่ จ.ภูเก็ต
สำหรับโครงการพัฒนาที่ดินราชพัสดุในเชิงพาณิชย์ นั้น กรมฯคาดหวังจะสร้างรายได้นำส่งกระทรวงการคลังในปีงบฯ 2564 ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท โดยขณะนี่ ได้ดำเนิน โครงการบูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงานและศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนสามัญ ภายใต้ความร่วมมือของกรมธนารักษ์ สำนักงาน ก.พ. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ในการพัฒนาที่พักอาศัยเพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในลักษณะอาคารพักอาศัยรวม (คอนโด) 7 ชั้น
ขณะนี้ มีผู้สนใจจองโครงการจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่มีผู้จองฯ เกินกว่าจำนวนห้องชุดที่มี โดยแต่ละโครงการจะสร้างบนพื้นที่ราว 1 ไร่เศษ และมีจำนวน 76 ห้อง สำรองเอาไว้ราว 25% รองรับกรณีผู้ได้รับสิทธิ์ฯยกเลิกการจอง โดยแต่ละห้องมีขนาด 40 ตร.ม. กำหนดราคาขาย 1 ล้านบาท ลบ 1 บาท (990,000 บาท) ในทุกโครงการทุกพื้นที่
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะสร้างโครงการใหม่เพิ่มอีก 9 พื้นที่ใจกลางธุรกิจและชุมชนเมือง ประกอบด้วย 1.กรุงเทพฯ 2.นครนายก 3.สงขลา 4.สุราษฎร์ธานี 5.ประจวบคีรีขันธ์ 6.เชียงราย 7.อุบลราชธานี 8.อุดรธานี และ 9.มหาสารคาม
เนื่องจากมีผู้ให้ความสนใจโครงการฯ จำนวนมาก กรมธนารักษ์จึงมีแนวคิดในการจัดสวัสดิการเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้แก่ข้าราชการ โดยนำที่ราชพัสดุมารองรับการพัฒนาสวัสดิการ ที่พักอาศัยของข้าราชการเพิ่มเติม ภายใต้โครงการสวัสดิการที่พักอาศัยของข้าราชการในที่ราชพัสดุ
พร้อมปรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และข้าราชการประเภทอื่น เช่น ทหาร ตำรวจ ข้าราชการในสังกัดองค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และข้าราชการส่วนภูมิภาคทั่วไป โดยไม่ต้องมีสถานที่ทำงานหรือมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดที่เป็นพื้นที่ของโครงการ แต่หากผู้เข้าร่วมโครงการมีสถานที่ทำงานหรือมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่โครงการฯ จะได้รับการพิจารณาก่อนเป็นลำดับแรกและจะได้รับสิทธิการเช่า 30 ปี อีกด้วย
อนึ่ง กรมธนารักษ์ตั้งเป้าจะสร้างโครงการที่พักอาศัยให้ได้ภายในปี 2564 ไม่ต่ำกว่า 2,000 ยูนิต โดยไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่จะอาศัยเงินจองและค่าผ่อนชำระ รวมถึงเจรจากับผู้รับเหมาในการดำเนินโครงการฯต่อไป.