“สศช.จับมือแบงก์ชาติ”แก้หนี้เอ็นพีแอล

สภาพัฒน์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมใจรับมือในการแก้ไขเอ็นพีแอล เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย 12 ล้านบัญชี ก่อนถึงวันที่ 22 ต.ค.นี้
“รัฐบาลเตรียมตัวช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการขนาดเล็กมาโดยตลอด และไม่คิดที่จะทอดทิ้งใครเอาไว้ข้างหลัง” นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าว ภายหลังการประชุมร่วมระหว่าง สศช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท) เป็นต้น เพื่อให้เอ็นพีแอลเพิ่มสูงขึ้น หลังจากสิ้นสุดมาตรการของ ธปท.
เมื่อวันที่ 14 ต.ค. สศช.หรือสภาพัฒน์ ได้ถกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือผู้ประ กอบการและคนไทย ให้ผ่านพ้นสถานการณ์ที่เลวร้ายจากไวรัส โควิด-19 ไปได้ หลังจากสิ้นสุดมาตรการของ ธปท.ในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการรายย่อย และประชาชนทั่วไปที่พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย จำนวน 12 ล้านบัญชี หรือคิดเป็นวงเงิน 7.2 ล้านล้านบาท ต้องกลับสู่กระบวนผ่อนชำระหนี้อีกครั้ง หลังจากหยุดผ่อนเป็นเวลานานถึง 6 เดือน ในกรณีเข้าร่วมมาตรการของ ธปท. เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
“สภาพัฒน์ คลัง ธปท.และภาคเอกชน เราหารือกันมาโดยตลอด เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า ปัญหาของโควิดมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของไทยอย่างหนัก หากไม่มีมาตรการแก้ไขใดๆ ในอนาคต หรือวางแผนไว้ล่วงหน้า เศรษฐกิจไทยจะทรุดหนักลงไปกว่านี้” นายดนุชา กล่าวและยืนยันว่า มาตรการชุดใหม่ที่แก้ไขเรื่องหนี้เอ็นพีแอลนั้น จะมีอย่างแน่นอน แต่มีรูปแบบใดนั้น ยังไม่มีข้อสรุป
ล่าสุด ธปท.ได้จัดกลุ่มสีของผู้ประกอบการชี้ให้ชัดเจนว่า ในจำนวน 12 ล้านบัญชีนั้น มีลูกหนี้กลุ่มใดบางที่มีอาการหนักหรือเบา โดยจัดออกมาเป็น 3 กลุ่มคือ สีแดงมีสัดส่วน 10% สีเหลือมีสัดส่วน 30% ที่เหลือ สีเขียวมีสัดส่วนมากที่สุดถึง 60% แสดงให้เห็นว่า ลูกหนี้ที่มีปัญหาจริงๆ มีเพียง 10% และที่มีปัญหาอยู่บ้าง แต่เอาตัวรอดได้มีประมาณ 30% และส่วนใหญ่ถึง 60% มีความมั่นใจว่า ผ่อนชำระหนี้ได้ตามปกติ
“ตัวเลขนี้ ทำให้เกิดความชัดเจนในระดับหนึ่ง เพราะที่ผ่านมา มีความกังวลเรื่องนี้เป็นอย่างมาก หากมีเอ็นพีแอลจำนวนมาก” เลขา สศช.กล่าว
ขณะที่ สภาอุตสาหกรรม (สุพันธุ์ มงคลสุธี) ระบุว่า มาตรการทั้งหมดจะหารืออีกครั้งในวันศุกร์นี้ (16 ต.ค.) และจะต้องมีความชัดเจนก่อนวันที่ 22 ต.ค.2563 เพราะเป็นวันสิ้นสุดมาตรการของ ธปท.
“มาตรการของแบงก์พาณิชย์ก็มีอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ ต้องคิดว่า จะช่วยเหลือลูกหนี้ 12 ล้านบัญชีอย่างไร แม้จะมีสัดส่วนถึง 60% อยู่ในกลุ่มที่ดีก็ตาม แต่ก็ต้องมี incentive เช่น กลุ่มสีเขียว เสนอลดอัตราดอกเบี้ย 1% กลุ่มสีเหลือง และสีแดง ก็ต้องมีแรงช่วยจากภาครัฐและเอกชน เพื่อไม่ให้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้.