สรุปข่าว 4-10-63

ส่องหุ้นไทย : บล.กรุงศรี ระบุแนวโน้ม การลงทุนช่วงวันที่ 5-9 ต.ค.ว่า อาจได้รับผลกระทบเชิงลบจากปัจจัยภายในและต่างประเทศ โดยให้กรอบดัชนีที่ 1,210 – 1,250 จุด
ทั้งนี้ ข่าวการติดเชื้อไวรัสโควิดฯ ของผู้นำสหรัฐฯอาจกระทบต่อการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย. รวมไปถึงการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ที่อาจจะล่าช้าออกไปกดดันภาพรวมการลงทุนในสหรัฐ และเป็น Sentiment ลบไปยังตลาดอื่นๆ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา (WTI-8% และ Brent-7.4%) จะยิ่งซ้ำเติมหุ้นกลุ่มธุรกิจน้ำมันของบ้านเรา ส่วนปัจจัยในประเทศเริ่มเข้าใกล้วันชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเยาวชนปลดแอกมากขึ้น (14 ต.ค.) ปัจจัยนี้จะกดดันให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนและเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงท้ายสัปดาห์.
น้ำมันขยับลงอีก : แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงปรับตัวลดลง หลังจากมีการปรับลดลงต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด ปิดตลาดเมื่อวันที่ 3 ต.ค. พบว่า ราคาน้ำมับดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ซื้อขายล่วงหน้า งวดส่งมอบเดือน พ.ย. ปิดลดลง 1.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (4.52%) มาอยู่ที่ระดับ 36.9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดตลาดลดลง 1.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (–4.25%) ที่ระดับ 39.19 -1.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล.
ราคาทองลด : ราคาทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ ปิดตลาดเมื่อ 3 ต.ค.ยังคงปรับตัวลดลงอีก 7.52 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (-0.39%) ปิดที่ 1,898.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านสมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำเพียงครั้งเดียว ซึ่งเป็นราคาลดลงจากวันก่อน 100 บาท และคงราคานี้ตลอดทั้งวันจนปิดตลาด โดยทองคำแท่งรับซื้อที่ 28,350 บาท ขาย 28,450 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณ รับซื้อที่ 27,833.76 บาท และขายที่ 28,950 บาท.
บาทสัปดาห์หน้า : แบงก์กสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทช่วง 5-9 ต.ค.ที่ 31.50-31.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นทางการเมือง และบทสรุปของมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ของสหรัฐฯ สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ย. และปัจจัยทางการเมืองของไทย ด้านข้อมูลเศรษฐกิจตปท. โดยเฉพาะที่สหรัฐฯ น่าสนใจได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) และดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามข้อมูล PMI ภาคบริการของประเทศชั้นนำอื่นๆ ด้วยเช่นกัน.
นัดใหญ่ 14 ตุลาฯ : การนัดชุมนุมใหญ่ 14 ต.ค.63 ถูกนัดหมายจากนักศึกษา นักเรียน และประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเชิญชวนให้เข้าร่วมชุมนุนในช่วงเวลา 14.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน หนึ่งในนั้นมี เพจเฟซบุ๊ก กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย Democracy Restoration Group (DRG) ระบุ พอแล้วกับรัฐบาลที่ตั้งพวกของตัวเองมาช่วยสืบทอดอำนาจ ให้ตัวเองได้กอบโกยผลประโยชน์บนความทุกเข็ญของประชาชน พอแล้วกับรัฐบาลที่ขวางทางแก้กฎหมายสูงสุดของบ้านเมือง ขวางทางของประชาชนในการไปสู่สิ่งที่ดีกว่า พอแล้วกับรัฐบาลโจร! และว่านี่ไม่ใช่เพียงการเคลื่อนไหวของใครคนใดคนหนึ่งแต่เป็นการเคลื่อนไหวของราษฎรทุกคนเพราะเราทุกคนล้วนเป็น #คณะราษฎร.
รัฐบาลแห่งชาติหน้า : คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กล่าวปฏิเสธถึงกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะเข้าร่วมรัฐบาลแห่งชาติ และย้ำว่าจะไม่เข้าร่วมอย่างแน่นอน เพราะจะไม่มีใครทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลแทนประชาชน รวมถึงข่าวที่คนในตระกูลชินวัตรมานั่งบริหารพรรคก็ไม่เป็นความจริง หากจะมีรัฐบาลแห่งชาติ ก็คงเป็นชาติหน้า ทั้งหมดเป็นการปล่อยข่าวเพื่อทำลายพรรคมากกว่า.
มอบที่ดิน สปก. : ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ย้ำ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มีนโยบายเร่งรัดให้มีการออกหนังสืออนุญาต (ส.ป.ก. 4-01) ให้แก่เกษตรกรผู้มีสิทธิ์ที่จะได้รับการจัดสรรที่ดินจากรัฐ รวมทั้งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล โดยวันนี้ ได้มอบหนังสืออนุญาต ส.ป.ก. 4-01 ให้แก่เกษตรกร อ.เซกา จ.บึงกาฬ จำนวน 150 ราย 178 แปลง เนื้อที่ 1,010-0-77 ไร่ เป็นทั้งแปลงเกษตรกรรม และแปลงชุมชน ซึ่งจะทำให้เกษตรกรได้รับโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ได้มีที่ทำกินอย่างถูกต้องตามกฎหมายในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม.
เหมาะสมx5 : นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป. ระบุ ส่วนตัวเห็นความเหมาะสม 5 ประการ หากนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ จะเป็น รมว.คลัง 1. เป็นคนกลาง ไม่สังกัดพรรคการเมือง 2. เคยเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาก่อน 3. เคยผ่านงานด้านเศรษฐกิจ 4.มีประสบการณ์ทั้งเป็น ขรก.ประจำ และขรก.การเมือง และ 5. เป็นนักบริหารมืออาชีพ ที่ได้รับการยอมรับทั้งในส่วนภาครัฐ และเอกชน โดยหวังว่าจะเป็นกำลังสำคัญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องประชาชน และประเทศกำลังเจอวิกฤติเศรษฐกิจรอบด้าน.
ช่วยพระสงฆ์ : นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ ได้กำชับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เร่งหน้าเยียวยาพระสงฆ์ 2.5 แสนรูปที่ได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยเร็ว แต่ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวยังดำเนินการได้ไม่เรียบร้อย เพราะยังคงติดขัดอยู่หลายส่วน ซึ่งขณะนี้ร่งให้รูปแบบเสร็จสมบูรณ์ พศ. ที่ขณะนี้ยังไม่ได้รายงานตนถึงข้อขัดข้องว่า มีอะไรบ้าง และยังไม่ได้บอกถึงความต้องการหรือความเร่งด่วนอย่างไร ซึ่งตนจะติดตามเรื่องนี้ให้โดยเร็ว.
วิจัยสร้างชาติ : ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดอว. คนใหม่ ระบุ จะเร่งขับเคลื่อนงานอุดมศึกษากับวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม รวมถึงด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ให้สมดุล เพื่อให้เกิดพลังเชิงบวกหรือสร้างสรรค์ และต้องสร้างคนให้คนไปสร้างองค์ความรู้ และให้องค์ความรู้ไปสร้างคนให้กับประเทศ เช่น โครงการ อว.สร้างงาน หรือโครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย เพื่อสร้างงานและเพิ่มทักษะให้กับบัณฑิตที่จบไปแล้วและกำลังจะจบการศึกษา 6 หมื่นคน รวมถึงเร่งตอบสนองนโยบายของ รมว.อว. ให้บรรลุผล โดยเฉพาะโครงการประชาชนวิจัย เพื่อสร้างเป็นเครือข่ายประชาชนวิจัยขึ้นมา และพร้อมสนับสนุนการสร้างประเทศด้วยงานวิจัย โดยเริ่มโครงการฯแล้วใน 10 พื้นที่ 10 โครงการวิจัย.
ปฏิรูป สธ. : ศ.นพ.อุดม คชินทร ปธ.คกก.ปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ย้ำว่า ได้นำเสนอแผนปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขฉบับปรับปรุงใหม่ตามนโยบายของนายกฯ เพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลกและของประเทศไทย ทำเป็นกิจกรรมการปฏิรูป 5 ด้าน ได้แก่ 1.การจัดการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข 2.การปฏิรูปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการสร้างเสริม 3.การปฏิรูประบบบริการสุขภาพผู้สูงอายุด้านการบริบาล 4. การปฏิรูประบบหลักประกันสุขภาพและกองทุนที่เกี่ยวข้องให้มีความเป็นเอกภาพ บูรณาการ เป็นธรรมและทั่วถึง และ 5.การปฏิรูปเขตสุขภาพให้มีระบบบริหารจัดการแบบบูรณาการ โดยจะนำเสนอแผนดังกล่าวในวันที่ 15 ต.ค.นี้.
ตรวจครูต่างด้าว : ว่าที่ พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล ผกก.ตม.จว.ปทุมธานี ระบุ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ เร่งตรวจสอบเรื่องการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและการทำงานของครูอาจารย์ต่างชาติ ในโรงเรียนสังกัดเครือสารสาสน์ในพื้นที่ของจังหวัดปทุมธานี จำนวน 2 แห่ง คือ โรงเรียนสารสาสน์วิเทศคลองหลวง และรังสิต พบว่ามีครูต่างชาติรวมกันเกือบ 100 คน มาจากประเทศต่างๆ แต่ไม่พบว่ามีครูต่างชาติรายใด ที่ไม่มีเอกสารประจำตัว เพราะต่างมีใบอนุญาตทำงานถูกต้องและไม่พบการกระทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด.