สรุปข่าว 27-9-63
ส่องหุ้นไทย : บล.กสิกรไทย มองดัชนีหุ้นไทยช่วงวันที่ 28 ก.ย. – 2 ต.ค. คาดมีแนวรับที่ 1,235 และ 1,220 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,260 และ 1,270 จุด ตามลำดับ
โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นการเมืองในประเทศ การพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงสถานการณ์โควิด-19
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/63 รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคลเดือนส.ค. รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิต และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย. ของจีน ญี่ปุ่นและยูโรโซน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ของญี่ปุ่น รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน
โดยที่ผ่านมาหุ้นไทยปรับตัวลงตลอดสัปดาห์ ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,244.94 จุด ลดลง 3.37% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,056.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.97% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.96% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 316.67 จุด
น้ำมันอาจขยับขึ้น : แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีโอกาสขยับตัวขึ้น หลังจากซบเซามาก่อนหน้านี้ โดยที่ราคาน้ำมันดิบทั้งสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสัญญาน้ำมัน เวสต์เท็กซัส (WTI) พ.ย. และน้ำมันเบรนท์ พ.ย. ต่างพุ่งเกินระดับราคา 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แม้ปิดตลาดเมื่อวันที่ 26 ก.ย. (ตรงกับเช้าวันที่ 27 ก.ย.ของไทย) ทั้ง 2 ตัวจะปรับลดลงมาเล็กน้อยก็ตาม โดยน้ำมัน WT ปิดตลาดปรับตัวลดลง -.26% ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (-0.65%) มาอยู่ที่ 40.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันเบรนท์ ปิดตลาดลดลง 0.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (-0.26%) ที่ระดับ 41.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม สำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐ (EIA) ได้รายงานปริมาณ น้ำมันดิบ, น้ำมันเบนซิน และสิ่งกลั่นคงคลังที่ลดลง ทว่าขาขึ้นยังคงได้รับแรงกดดันจากการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะในยุโรป
ขณะที่ความคลุมเครือเกี่ยวกับกฎหมายเยียวยาเศรษฐกิจจากโควิด-19 ในสหรัฐยังคงเป็นแรงกดดันแก่ผู้ลงทุน เช่นเดียวกับการปฏิเสธในการเปลี่ยนผ่านอำนาจของประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์
อีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมันก็มาจากโรงกลั่นน้ำมันลิเบีย ที่เริ่มส่งน้ำมันออกนอกประเทศแล้ว ภายหลังถูกจำกัดมานานหลายเดือน
ทองโลก-ไทยลด : ราคาทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ ปิดตลาดเมื่อ 26 ก.ย. ยังคงหดตัวลงถึง -5.34ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ -0.29% โดยปิดที่ 1,862.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในไทย ด้าน สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำเพียงครั้งเดียว เปิดตลาดลดลงจากวันก่อน 100 บาท และคงราคานี้ตลอดทั้งวันจนปิดตลาด โดยทองคำแท่งรับซื้อที่ 27,750บาท ขาย 27,850 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณ รับซื้อที่ 27,257.68
บาท ขาย 28,350 บาท.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ถึงความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงเดือน ก.ย. ว่ามีลักษณะแกว่งตัวลงหลุด 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คงเป็นเพียงระยะสั้น แม้จะยังมีโอกาสปรับลดลงได้อีก แต่ระยะยาวมองว่ายังเป็นขาขึ้นเช่นเดิม เพราะปัจจัยบวกทั้งด้านภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัวจาก COVID-19 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกหลายปีข้างหน้า อีกทั้งประเด็นความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างความไม่แน่นอนให้กับนักลงทุน และเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นในระยะยาว.
บาทสัปดาห์หน้า : ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์ 28 ก.ย.-2 ต.ค. ที่ระดับ 31.20-31.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การดีเบตครั้งแรกของคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการเจรจาดีล BREXIT ระหว่างยุโรปและอังกฤษ
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร การจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิต และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคลและ Core PCE Price Index เดือนส.ค. รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/63 (final)
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ย. ของจีน และปัจจัยทางการเมืองของไทยด้วยเช่นกัน.
แตกตัว : ปัญหาในพรรคเพื่อไทย อาจนำไปสู่การปรับโครงสร้างพรรคฯกันขนานใหญ่ หลังจาก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประกาศลาออกจาก ปธ.คกก.ยุทธศาสตร์พรรคฯ ไปก่อนหน้านี้ กระทั่ง แกนนำคนสำคัญคนอื่นๆ ได้ลาออกตามมา ล่าสุด เป็น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ได้ยื่นลาออกจากหัวหน้าพรรค ทำให้พรรคเพื่อไทย ต้องปรับโครงสร้างและปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด คาดจะประชุมในวันที่ 28 ก.ย.นี้.
ผลักลงถนน : นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี (ฟอร์ด) แกนนำคณะประชาชนปลดแอก ระบุ การตั้ง กมธ.มาเพื่อยื้อเวลา คือไม่เห็นหัวประชาชน เป็นเรื่องน่าอัปยศที่สุด กระบวนการรัฐสภาสามารถแก้ปัญหาประเทศดีที่สุดแล้ว แต่ไม่ทำ กลับปิดประตูรัฐสภาใส่ประชาชน สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ากำลังจะผลักให้ประชาชนลงถนน ถ้าประตูของสภาฯไม่ใช่ทางออก ก็ต้องมีแต่การลงถนนเท่านั้นรอ ยืนยันว่า ส.ว.250 มีเจ้าของคือ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนการยกระดับการชุมนุมจะแจ้งให้ทราบภายหลัง.
รู้คนเดียว : พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ตอบคำถามนักข่าว ถึงผู้ที่จะมาเป็น รมว.คลังคนใหม่ กล่าวแค่ว่า “ฉันรู้ของฉันคนเดียว ก็รอดูไป เดี๋ยวก็รู้” ขณะที่ นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัด ก.คลัง ที่จะเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.นี้ ก็ตอบปฏิเสธว่าไม่เคยถูกทาบทามจากนายกฯ แต่ถึงจะถูกทาบทามก็คงต้องปฏิเสธ เพราะรับราชการมายาวนานกว่า 30 ปี ต้องการจะพักผ่อน ส่วนที่ต้องขอลาออกจากกรรมการรัฐวิสาหกิจ และบริษัทต่างๆ เพราะเป็นไปตามหลักหลักธรรมาภิบาล โดยยื่นลาออกตั้งนานแล้ว.
ออกเหอะ : นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ระบุ ส่งออกไทยช่วง ส.ค.แม้จะติดลบเหลือเพียง 7.94% แต่ถ้าหักส่งออกทองคำจะติดลบถึง -14.3% ซึ่งติดลบใกล้เคียงกับเดือนที่แล้ว ไม่ได้ฟื้นจริงอย่างที่รัฐบาลกล่าวอ้าง ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่ สาเหตุหลักมาจากการรัฐประหาร และ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเศรษฐกิจไทยตลอด 6 ปี ขยายตัวได้ต่ำมากเป็นคนป่วยของอาเชียนและจะยิ่งป่วยหนัก หากไม่ลาออกเศรษฐกิจจะยิ่งเลวร้ายลงอีก.
ป่วยโควิดฯอีก 3 : ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย แม้จะไม่พบการติดเชื่อในประเทศ แต่เจอ ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อใน State Quarantine เพิ่มขึ้นอีก 3 ราย ล่าสุด พบมีการรักษาหายเพิ่มขึ้น 2 ราย กลับบ้านแล้ว 3,362 ราย แต่ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 101 ราย โดยไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ยอดผู้เสียชีวิตคงที่ 59 ศพทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,522 ราย นับเป็นรายที่ 3,520-3,522.
เปิดพิเศษ : น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกฯ ระบุ รัฐบาลจะเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (STV) โดย ก.การท่องเที่ยวฯ ก.สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว คาดว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ก็จะสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ จะมีมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรัดกุม คือ ข้อปฏิบัติก่อนการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง, ทำประกันสุขภาพประกันโควิด-19 ตามข้อกำหนดของรัฐบาล.
กองทุนยุติธรรม : นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ระบุ กระทรวงยุติธรรมดำเนินงานกองทุนยุติธรรมในรอบปีงบฯ63 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน ตามนโยบายปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เน้นการส่งเสริมปกป้อง และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน สร้างสังคมแห่งความเป็นธรรม กองทุนยุติธรรมให้การสนับสนุนเงินค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านกฎหมาย การฟ้องร้อง การดำเนินคดี หรือการบังคับคดี การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของผู้ได้รับความเดือดร้อน หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยมีผู้ขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม 5,989 ราย ได้รับการอนุมัติไป 3,002 ราย เป็นจำนวนเงิน 202 ล้านบาท.