สรุปข่าว 22-9-63
หุ้น ตปท.-ไทย
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาด (21 ก.ย.) ลดลง 509.72 จุด (1.84 %) ปิดที่ 27,147.70 จุด นิคเคอิ เพิ่มขึ้น 40.93 จุด (0.18%) ปิดที่ 23,360.30 จุด แนสแดค ลดลง 14.48 จุด (0.13 %) ปิดที่ 10,778.80 จุด เอสแอนด์พี ลดลง ลดลง 38.41 จุด (1.16%) ปิดที่ 3,281.06 จุด ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดตลาด(21 ก.ย.) ที่ระดับ 1,275.16 จุด ลดลง 13.23 จุด (1.03%) มูลค่าการซื้อขาย 40,183.89 ล้านบาท
น้ำมันโลก-ไทย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 4.38% ปิดที่ราคา 39.31 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวร่วงลง 2 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ราคา 41.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
ปตท. และบางจาก ปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร เว้น อี 85 ปรับขึ้น 30 สตางค์ต่อลิตร มีผล 22 ก.ย. 2563 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาขายปลีกใหม่จะเป็นดังนี้ น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 29.66 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 22.25 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี20 อยู่ที่ 20.74 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 21.98 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ อี85 อยู่ที่ 18.34 บาทต่อลิตร, ดีเซล อยู่ที่ 21.69 บาทต่อลิตร, บี10 อยู่ที่ 18.69 บาทต่อลิตร และบี 20 อยู่ที่ 18.44 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพฯ
ทองคำลง 50
ราคาทองคำเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 28,500 ขายออกบาทละ 28,600 ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 27,985.36 ขายออกบาทละ 29,100 บาท ราคาทองคำปรับลง 50 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 19 ก.ย.
ค่าเงินบาทแข็ง
สำหรับค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลโลก วานนี้ (21 ก.ย.) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับวันที่ 18 ก.ย. โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารพาณิชย์ โดยให้เงินบาทมีค่า 31.078 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แบงก์พาณิชย์ กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ใช้ซื้อขายกับลูกค้า โดยกำหนดค่าเงินบาทไว้ที่ 31.2097 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ, 40.6103 บาทต่อ 1 ปอนด์สเตอร์ริง, 37.1716 บาทต่อ 1 ยูโรดอลลาร์, 30.1667 บาท ต่อ 100 เยน, 4.0524 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง ,กำหนดค่าเงินบาทที่ 23.1888 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 7.6550 บาท ต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย
หมุดหาย
ความเคลื่อนไหวทางการเมือง หมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 ที่แกนนำผู้ชุมนุมปักไว้บริเวณกกลางท้องสนามหลวง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ถูกรื้อถอนออกไปแล้ว โดยไม่ทราบเป็นที่แน่ชัดว่า การรื้อถอนดังกล่าว กระทำโดยเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใด ด้าน เพนกวิน หรือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำผู้ชุมนุม กล่าวว่า อย่าได้กังวล เพราะพราหมณ์ของเราได้ลงคาถาสาปแช่งให้คนรื้อ คนสั่ง และคนสั่งสูงสุดเสื่อมลาภ ยศ สรรเสริญ ฐานันดร รวมถึงเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเป็นที่เรียบร้อย หมุดไม่ได้ปักที่พื้นสนามหลวง แต่ปักไว้ในใจคน
กรมศิลป์ แจ้งความเอาผิดม็อบ
นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการกองโบราณคดี ในฐานะตัวแทนจากกรมศิลปากร เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.วัชรพงษ์ ทองแดง รอง สว.(สอบสวน) สน.ชนะสงคราม ในความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 กรณีกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมจัดการชุมนุม 19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร โดยใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง ซึ่งแกนนำผู้ชุมนุมยังได้ปักหมุดคณะราษฎรที่ 2 บริเวณลานปูนที่ท้องสนามหลวง เผย โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“ตำรวจ” เล็งเอาผิด 16 แกนนำ
พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น. ระบุว่า เรื่องการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ โดยเบื้องต้นพบผู้ที่เกี่ยวข้อง 16 คน ที่เกี่ยวข้องกับการจัดให้มีการชุมนุม , การโฆษณาชักชวนคนมาร่วมการชุมนุม และปราศรัยบนเวที เข้าข่ายความผิดฐาน ร่วมกันจัดให้มีการชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนความผิดอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งคาดว่าเมื่อรวบรวมความผิดได้ชัดเจนในระดับหนึ่งแล้ว ก็จะเริ่มออกหมายเรียกให้ผู้กระทำผิดมารับทราบข้อกล่าวหาได้
รื้อบ้านป๋าเปรม
สำหรับบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี ได้ถูกรื้อถอนไปแล้ว โดยมีเครื่องจักรกลขนาดใหญ่กำลังรื้อ และทุบบ้านพักในส่วนที่เป็นปูน ซึ่งด้านหน้าบ้านที่เคยเป็นป้อมรักษาการณ์ได้ถูกทุบไปแล้ว เหลือแต่เศษหิน เศษปูน เป็นกองๆและบริเวณส่วนหลังบ้าน มีเครื่องจักรขนาดใหญ่กำลังทำงาน
กบง. ตรึงแก๊สถึงสิ้นปี
ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เห็นชอบให้คงราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ที่ราคาขายปลีก 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม(กก.) ออกไปอีก 3 เดือนหรือตั้งแต่ 1 ต.ค.-31 ธ.ค.2563 โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบัญชีแอลพีจีมาบริหารในการช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน
แบงก์ชาติ ไม่ห่วงม็อบปลุกถอนเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ยืนยันว่า กรณีมีกระแสบนโลกออนไลน์ติดแฮชแท็กแบนธนาคารแห่งหนึ่งและปลุกระดมให้ประชาชนถอนเงินนั้น ไม่เป็นที่น่ากังวล ซึ่ง ธปท.จะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะต้องเข้าใจว่า เงินฝากต้องมีที่ไป อาจเป็นการโยกจากสถาบันการเงินหนึ่งไปอีกหนึ่งแห่ง และจะหมุนเวียนกลับไปช่องทางการปล่อยกู้ในที่สุด ทำให้ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับสภาพคล่อง และขอย้ำอีกครั้งว่าเงินต้องมีที่ไป ย้ายที่ก็หาทางวนกลับมาได้
ติดโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 31 ล้านคน
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 วันที่ 21 ก.ย. ไทยไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ ผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 3,506 ราย ส่วนสถานการณ์ทั่วโลกมีผู้ป่วยทั้งสิ้น 31,231,209 คน เพิ่มขึ้น 243,019 คน ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลก 965,061 เพิ่มขึ้น 3,891 คน สหรัฐฯ มีตัวเลยผู้ติดเชื้ออันดับ 1 อยู่ที่ 7,004,768 เพิ่มขึ้น 33,344 คน
พยากรณ์อากาศ
(22 ก.ย.) กรมอุตุฯ พยากรณ์อากาศ ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง กรุงเทพฯและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30