สรุปข่าว 6-9-63

น้ำมันยังขาลง : ปลายสัปดาห์ก่อน และตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสของสหรัฐฯ ยังคงร่วงลงต่อเนื่อง โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้น และความวิตกเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมัน เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของโรคโควิด-19
นักวิเคราะห์ชี้ว่าแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันในสัปดาห์และระยะต่อไปยังคงอ่อนแอ ขณะที่พฤติกรรมทางธุรกิจและของประชาชนเปลี่ยนแปลงไปเพราะโควิด-19 การเดินทางเพื่อธุรกิจที่ลดลง และการเปลี่ยนไปใช้การประชุมผ่านระบบดิจิทัล และการทำงานจากที่บ้าน ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง โดยเขาคาดว่า อุปสงค์น้ำมันโดยรวมต่อปีอาจจะลดลงราว 9-10 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ ส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นจากพลังงานสะอาด จะทำให้ราคาน้ำมันชะลอการฟื้นตัวในระยะยาวด้วย.
หุ้นสัปดาห์หน้า : นักวิเคราะห์มองตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (7-11 ก.ย.) มีแนวรับที่ 1,300 และ 1,285 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,325 และ 1,335 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นการเมืองในประเทศ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเพิ่มเติม สถานการณ์โควิด-19 และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค.ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางยุโรป จีดีพีไตรมาส 2/63 ของญี่ปุ่นและยูโรโซน และข้อมูลเศรษฐกิจเดือน ส.ค.ของจีน.
มองค่าเงินบาท : ธนาคารกสิกรไทยประเมินเงินบาทในสัปดาห์หน้า (7-11 ก.ย.) คาดว่ากรอบการเคลื่อนไหวน่าจะอยู่ที่ 31.10-31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ สำหรับ โดยปัจจัยสำคัญได้แก่ ปัจจัยทางการเมืองในประเทศ สถานการณ์โควิด-19 ในไทยและต่างประเทศ และสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงต้องจับตามองตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน ด้วยเช่นกัน.
ทองไทยลดร้อย : ราคาทองคํา Spot ปรับตัวลดลงจากการเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย ภายหลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ส.ค. ที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศวานนี้ (5 ก.ย.) ปรับลด 100 บาท ส่วนทั้งสัปดาห์ปรับลดลง 150 บาท
โดยวานนี้ สมาคมค้าทองคำประกาศราคาครั้งเดียว เมื่อเวลา 09.32 น. ปรับลดลง 100 บาท เมื่อเทียบกับประกาศราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของวันศุกร์ ที่มีการประกาศราคาทั้งหมด 6 รอบ (ปรับลดและขึ้นอย่างละ 3 รอบ) รวมราคาปรับเพิ่มขึ้น 50 บาท.
“โจ้” ท้ารบ : นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ระบุ ไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่น ทำลายชื่อเสียง หรือทำให้กองทัพเรือเสียเกียรติภูมิ แต่ต้องตรวจสอบบางคนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ผบ.ทร. และ รองเสนาธิการและโฆษกกองทัพเรือ ย้ำ! การจัดซื้อแบบจีทูจีจริง ต้องยึดคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือ ต้องเป็นไปตลอดระยะเวลาที่ดำเนินการ พร้อมท้า ทร. มาดีเบต หาข้อเท็จจริง ชี้อาจฟ้องบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึง รองนายกฯประวิตร วงษ์สุวรรณ.
รมต.นกหวีด ดีเบต : นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ขึ้นเวทีดีเบตกับตัวแทนกลุ่มนักเรียนเลว บริเวณด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ โดยนายมิน ลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ กล่าวว่า ทางกลุ่มขอเรียกร้อง 3 เรื่อง ได้แก่ หยุดคุกคามนักเรียน แก้กฎระเบียบล้าหลัง ปฏิรูปการศึกษา 1 เงื่อนไข คือ ถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกไป และขอให้กระทรวงส่งทีมไปประเมิน ร.ร.ว่ามีการคุกคามนักเรียนหรือไม่ ขณะที่ นายณัฏพล ระบุ ขอให้ส่งข้อมูลคุกคามมาถึงกระทรวงโดยตรง และจะจัดการขั้นเด็ดขาดหากมีเรื่องนี้ ระหว่างขึ้นเวที มีเสียงโห่และนกหวีดตลอดเวลา.
ถอดปลั๊ก ส.ว. : นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษก ปชป. ระบุ พรรคมีหลักการชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะประเด็นอำนาจ ส.ว.ว่าควรมีการแก้ไขทั้งที่มาและอำนาจและหน้าที่ ให้ดำเนินการเฉพาะการกลั่นกรองกฎหมาย เพราะเมื่อไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ก็ไม่ควรมีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี ย้ำ! ประโยชน์ของประชาชน เช่น เรื่องสิทธิเสรีภาพ การถ่วงดุลตรวจสอบการทุจริตที่ไม่มีในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็สำคัญไม่แพ้กัน การตั้ง ส.ส.ร. เป้าหมายเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เร็วที่สุด.
กู้แจกยังทำไม่เป็น : คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ปธ.ยุทธศาสตร์เพื่อไทย ระบุตอนหนึ่งว่า กว่า 6 ปีที่รัฐบาลแจกเงิน สะท้อนว่าคิดมาตรการอื่นที่ดีกว่าไม่ออก ปัญหาคือจะมีปัญญาแจกเงินไปได้อีกนานเท่าไร ความล้มเหลวสะท้อนการจัดเก็บภาษีที่ต่ำกว่าเป้า โดยสิ้น ก.ค.63 จัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าถึง 2.67 แสนลบ. คาดสิ้นปีงบฯ63 จะติดลบมากกว่า 3 แสนลบ. แสดงว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่กู้เงินมาใช้เงินอย่างมโหฬารไม่ได้ผล คาดว่าสิ้นปีงบ 64 หนี้สาธารณะสูงเกิน 60% ย้ำ! “กู้เงินมาแจก ก็ยังแจกไม่เป็น”.
3 พันยังไม่วืด : นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาล ย้ำ! ข่าวมาตรการช่วยเหลือประชาชน 15 ล้านคน วงเงิน 3,000 บาทต่อคน เพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอยลดค่าครองชีพ และกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ส่งเสริมการบริโภค และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยนั้น ยังเป็นเพียงหลักการในเบื้องต้น ที่ ก.คลังได้นำเสนอในที่ประชุมศูนย์ ศบศ. ยังไม่ได้เป็นข้อสรุปที่จะอนุมัติให้ดำเนินการแต่อย่างใด โดย ก.คลังไปจัดทำรายละเอียดเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น.
เหตุนี้เอง : นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.เพื่อไทย ระบุ เคยยื่นเรื่องการต่อขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว (บีทีเอส) ออกไปอีก 40 ปี ให้กับนายปรีดี ดาวฉาย อดีต รมว.คลัง พิจารณา จนต้องดึงเรื่องออกจากที่ประชุม ครม. เพราะมีความพยายามจะนำข้อยกเว้นที่ออกโดย มาตรา 44 มาใช้เพื่อไม่ให้เรื่องนี้ต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ทว่ามีบางคนในรัฐบาลบีบให้เดินหน้าเรื่องนี้เข้า ครม.ต่อ จึงเชื่อว่านี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นายปรีดีลาออก.
ยางราคาดี : น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล เผยราคายางพารายางแผ่นรมควันชั้น 3 ขยับเกิน 60 บาท/กก.ครั้งแรกในรอบ 3 ปี และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการในตลาดโลก โดยเฉพาะจีนที่มีการสั่งซื้อปริมาณมากหลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว โดยกระทรวงเกษตรฯกำหนดยุทธศาสตร์ “การตลาดนำการผลิต” มอบหมายให้ กยท. ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มมูลค่า.