มั่นคงฯแตกไลน์ธุรกิจใหม่เพื่อสุขภาพ
“มั่นคงฯ” ประกาศความสำเร็จกลยุทธ์การดำเนินงาน 5 ปี เผยสัดส่วนกำไรระหว่างฝั่งเพื่อขายที่อยู่อาศัยและเพื่อเช่าและการบริการ ปัจจุบันอยู่ที่ 70:30 มั่นใจเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 50:50 พร้อมขยายธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าเพิ่ม และแตกไลน์ธุรกิจใหม่ด้านสุขภาพ
นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวว่า ตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา มีความท้าทายต่อการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ว่า จะเป็นปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มั่นคงฯ ได้มีการดำเนินงานอย่างรอบคอบและรัดกุม โดยมีการปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และจากวิสัยทัศน์แผนการดำเนินงาน 5 ปี (ตั้งแต่ปี 2559) ที่มุ่งหวังปรับโครงสร้างรายได้ของบริษัทให้มีความสมดุล ระหว่างธุรกิจเพื่อขายและเพื่อการบริการให้มีสัดส่วนกำไรอยู่ที่ 50:50 ภายในปี 2564 เพื่อความยั่งยืน โดยเพิ่มธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้สม่ำเสมอ ซึ่ง ณ ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมามีสัดส่วนกำไรอยู่ที่ 70:30
“สัดส่วนกำไรของธุรกิจอสังหาฯเพื่อขาย กับธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการ มีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยตั้งแต่ปี 2559 ในส่วนของฝั่งเพื่อขายนั้นมีอัตราเติบโตเฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปี ในขณะที่ฝั่งเพื่อเช่าและเพื่อการบริการมีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยธุรกิจสนามกอล์ฟ ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี่คลับ หลังจากปรับโฉมใหม่และธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ให้เช่า โครงการพาร์คคอร์ท สุขุมวิท 77 สามารถทำกำไรขั้นต้นรวม 100 ล้านบาท และธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า โครงการบางกอก ฟรีเทรดโซน ภายใต้การดำเนินงานบริษัทลูก มีพื้นที่ทั้งหมด 1,000 ไร่ คิดเป็นพื้นที่เช่า700,000 ตร.ม. คาดพัฒนาเต็มพื้นที่ในต้นปี 2564 ล่าสุดยังจัดตั้ง กองทรัสต์ PROSPECT เพื่อเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารคลังสินค้าและโรงงานบางส่วนใน“โครงการบางกอก ฟรีเทรดโซน” มูลค่า 3,500 ล้านบาท ได้เป็นผลสำเร็จ”
สำหรับแผนงานต่อไป เตรียมเปิด โครงการบางกอก ฟรีเทรดโซน แห่งที่ 2 และ 3 บนทำเลถนนบางนา-ตราด มูลค่าโครงการประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการต้นปี 2564 นอกจากนี้ บริษัทฯได้จับมือกับโรงพยาบาลชั้นนำเพื่อลงทุนในธุรกิจ Wellness ที่เน้นด้านการดูแลส่งเสริมสุขภาพครบวงจร สำหรับกลุ่มผู้รักสุขภาพทั้งไทยและต่างชาติ โดยจะเปิดตัวอย่างไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วนธุรกิจเพื่อขายยังคงรักษาระดับการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10% ต่อปี
“ จากแผนเดิมที่วางรากฐานการปรับตัว และขยายพอร์ตของธุรกิจ จะเป็นปัจจัยสำคัญให้ก้าวต่อไปได้อย่างเต็มกำลังในทุกมิติของการดำเนินงาน โดยตั้งเป้าภายในอีก 5 ปีข้างหน้า จะสามารถเพิ่มสัดส่วนกำไรของธุรกิจ Recurring Income ให้เติบโตขึ้นเป็น 70%”.