LPN Wisdom คาดตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัวครึ่งปีหลัง63

LPN Wisdom คาดตลาดอสังหาฯ เติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ผลจากคลายล็อกดาวน์ กลยุทธ์ด้านราคาระบายสต๊อกของผู้ประกอบการ ยอดเปิดโครงการใหม่ยังไม่หวือหวา ครึ่งปีหลังตลาดแนวราบมาแรง
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพีนี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom) บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มฟื้นตัวช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการ Lock Down อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำลังซื้อในตลาดค่อยๆ ดีขึ้น ทำให้ยอดขายและการรับรู้รายได้ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 2 ปรับตัวดีขึ้น แต่ในส่วนของรายได้รวมในครึ่งแรกของปี 63 ของทั้ง 36บริษัท อยู่ที่ 143,202.37ล้านบาท ลดลง 19.27% กำไรสุทธิ อยู่ที่ 10,714.80 ล้านบาท ลดลง 55.11% ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการปรับตัวของเศรษฐกิจ ที่มีการเติบโตลดลง 6.9%ในครึ่งแรกของปี 2563 โดยปรับตัวลดลงต่ำสุดในไตรมาส2 ของปี 2563 ที่ 12.2% ตามรายงานของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
“ไตรมาส 2 ของปี 2563 ช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผู้ประกอบการปรับตัว ด้วยการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคและนักลงทุนในตลาด ทำให้มีกำลังซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัยและกำลังซื้อที่มีอยู่ในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อระดับราคาสินค้ามีการปรับตัวลงมาในระดับราคาที่ผู้ซื้อสามารถรับได้ ”
สำหรับแนวโน้มการเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ในช่วง 5 เดือนหลังของปีนี้ จะมีประมาณ 31,000 –41,000 หน่วย หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 174,000 – 189,000 เพิ่มขึ้น 20-34% เมื่อเทียบกับ 7 เดือนแรกของปี63 ที่มีจำนวนโครงการที่เปิดใหม่ 33,741 หน่วย หรือคิดเป็นมูลค่า 140,640 ล้านบาท เฉพาะเดือนกรกฎาคม มีจำนวนโครงการที่เป็นตัวใหม่ 5,400 หน่วย เพิ่มขึ้น 47% มีมูลค่า 19,577ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน63
โดยประเมินตลอดทั้งปี มีโครงการเปิดใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล 65,000 – 75,000 หน่วย มูลค่า 315,000–330,000 ล้านบาท ลดลง 25-30%
“แนวโน้มครึ่งปีหลัง ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัยในแนวราบมากขึ้น โดยยังคงชะลอแผนการเปิดตัวคอนโดมิเนียม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อในตลาด และเป็นการบริหารกระแสเงินสดของบริษัท รวมถึง ผู้ประกอบอสังหาฯ ยังคงมีแคมเปญทางการตลาด เพื่อลดจำนวนสินค้าคงเหลือที่มีอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดฯ ที่มีสินค้าคงเหลือและโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา มูลค่ารวม 601,441.55 ล้านบาท คิดเป็น 70% ของสินค้าคงเหลือและโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งตลาด ซึ่งต้องใช้เวลาในการขายประมาณ 36-50เดือน”.