สรุปข่าว 16-8-63
น้ำมันโลกลด : แนวโน้มราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับลด หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในปี 63 เมื่อเทียบกับปี 62 ลงเป็น -8.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในเดือน ก.ค.63 ที่ -7.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ เพราะการฟื้นตัวของธุรกิจการบินทั่วโลกช้ากว่าที่คาดไว้ กดดันต่อความต้องการใช้น้ำมันอากาศยาน สอดคล้องกับรายงานจากกลุ่มโอเปกที่ลดคาดการณ์ ลงเป็น -9.06 ล้านบาร์เรลต่อวันจากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ -8.95 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่รัสเซียเอง ก็คาดว่าประการประชุมโอเปกพลัสในวันที่ 18 ส.ค. จะไม่มีข้อเสนอการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมจากข้อตกลงเดิม เนื่องจากรัสเซียมองว่าตลาดน้ำมันดิบเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
ด้านราคาน้ำมันเบนซินในประเทศไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯปรับลดลง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังจีนมีการส่งน้ำมันดีเซลในภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังในประเทศ
หุ้นสัปดาห์หน้า : แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (17-21 ส.ค.) บล.กสิกรไทยมองว่า จะมีแนวรับที่ 1,310 และ 1,300 จุด ส่วนแนวต้าน 1,335 และ 1,350 จุด ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คือ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/63 ของไทย ประเด็นการเมืองในประเทศ สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงสถานการณ์ภายหลังการหารือร่วมกันระหว่างผู้แทนเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ บันทึกการประชุมเฟด ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และยอดขายบ้านมือสองในเดือน ก.ค. รวมถึงดัชนี PMI Composite เดือนส.ค. รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/63 ของญี่ปุ่น รวมถึงดัชนี PMI Composite เดือนส.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซนและญี่ปุ่น สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนเกือบตลอดสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,327.05 จุด เพิ่มขึ้น 0.20% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 61,316.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.70% จากสัปดาห์ก่อนหน้านี้.
ทองโลกยังขึ้นได้ : สถานการณ์ราคาทองคําในตลาดโลกวานนี้ (15 ส.ค.) ราคาทองคำ Spot ปรับตัวลดลงเนื่องจากได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในเชิงบวก ทั้งนี้ จากผลการสำรวจนักวิเคราะห์ของ Kitco (แคนาดา) ส่วนใหญ่ ยังมองว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้ายังอยู่ในทิศทางขาขึ้น เนื่องจากได้รับผลบวกจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ราคาทองไทยลด : ขณะที่ราคาทองคำในไทย สมาคมค้าทองคำประกาศราคาเพียงครั้งเดียว เมื่อเวลา 09.16 น. ปรับลดลง 50 บาท เมื่อเทียบกับประกาศราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของวันศุกร์ ที่ตลอดทั้งวันมีการประกาศราคาทั้งหมด 7 รอบ รวมปรับขึ้น 300 บาท โดยราคาทองคำแท่งขายบาทละ 28,600 บาท รับซื้อ 28,500 บาท ทองรูปพรรณขาย 29,100 บาท รับซื้อ 27,985.36 บาท โดยสรุปราคาทองคำในไทยตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับลดลงค่อนข้างแรง รวม 1,400 บาท.
เงินบาทสัปดาห์หน้า : ธนาคารกสิกรไทยคาดการณ์ค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า (17-21 ส.ค.) โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.80-31.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/63 ของไทย ท่าทีระหว่างสหรัฐฯ และจีนหลังการเจรจาเรื่องความคืบหน้าตามข้อตกลงเฟสแรก และสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก.
ไม่อยู่เบื้องหลัง : น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกรัฐบาล อ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งในสภาฯรและการชุมนุมของนิสิต นักศึกษา โดยเห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันทุกฝ่ายควรใช้เหตุผลในการนำเสนอ หลีกเลี่ยงการยุยั่ว ปลุกปั่น ก่อให้การปะทะและเผชิญหน้ากัน ทั้งนี้ นายกฯไม่เคยคิดว่าอยู่เหนือการเมือง และพยายามหารือทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันหาทางออก ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกลุ่มนักศึกษา นายกฯยืนยันว่า ไม่ได้มีการสั่งการ แต่เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยไม่มีอำนาจเข้าไปแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ.
ปล่อยตัวชั่วคราว : ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขัง “เพนกวิน” หรือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ผู้ต้องหา โดยมีผู้ขอประกันเป็นอาจารย์จาก มธ. ที่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวนายพริษฐ์ ทั้งนี้ ศาลพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว แล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวนายพริษฐ์ ระหว่างสอบสวน ตลอดจนถึงชั้นพิจารณาชั่วคราว มีประกันในวงเงิน 100,000 บาท โดยไม่ต้องมีหลักประกัน แต่มีเงื่อนไขห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้อีก มิฉะนั้น ถือว่าผิดสัญญาประกัน จากนั้น ศาลได้แจ้งคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวและปล่อยตัวผู้ต้องหาแล้ว.
หาทางออกร่วมกัน : นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หน.พรรคเพื่อไทย แถลงการณ์ระบุ สังคมไทยต้องการสติปัญญาและเหตุผลหาทาออกที่ดีที่สุดให้กับประเทศ ขอทุกฝ่ายใช้เหตุผล หลีกเลี่ยงใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยเฉพาะต่อเยาวชน อนาคตของประเทศ ความรุนแรงไม่ว่าจะในรูปแบบใด รังแต่จะสร้างความแตกแยก และนำไปสู่การสูญเสียเกินคาดคิด โดยวันที่ 17 ส.ค.นี้ จะร่วมกันกับเพื่อนสมาชิกในรัฐสภา ยื่นญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกันสร้างกฎกติกาใหม่ เพื่อให้เกิดสมดุลของความต้องการทุกภาคส่วนในสังคม อยากให้ทุกฝ่ายสร้างทางเลือกและทางออกให้สังคมไทยร่วมกัน.
กดดันยิ่งต้านแรง :นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีฯ พรรค ปชป. ชี้ว่า ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่รัฐธรรมนูญ เพราะมีผลกระทบและผูกพันกับทุกองคาพยพในสังคมไทย รัฐธรรมนูญมีปัญหาทุกอย่างก็จะมีปัญหาเชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่ รัฐบาลตีโจทย์ไม่แตกก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด การชุมนุมของนักศึกษามีข้อเรียกร้องหลักคือ แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย การจับกุมแกนนำ นศ. ยิ่งเป็นการเติมไฟทางการเมืองให้ร้อนแรงขึ้นอีก ทำให้การชุมนุมฯมีพลังและขยายแนวร่วมได้มากขึ้น รัฐบาลเพิ่มแรงกดดันมากเท่าไหร่ กระแสต่อต้านก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น.
นัดบรรยายพิเศษ : เฟซบุ๊กเพจ คณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความว่า จะจัดบรรยายพิเศษเรื่องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขในประเทศไทย มีประวัติศาสตร์ความเป็นมา และมีพัฒนาการอย่างไร การจัดวางตำแหน่งให้สอดคล้องกับประชาธิปไตยต้องเป็นอย่างไร โดยศึกษาจากประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญไทย เปรียบเทียบกับการกำเนิดขึ้นของ Constitutional Monarchy ในที่ต่างๆ เพื่อวิเคราะห์วิธีการธำรงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้สอดคล้องและเคียงคู่ไปกับระบอบประชาธิปไตย ในวันอาทิตย์ที่ 16 ส.ค.63 เวลา 11.00 – 12.00 น. บริเวณที่ทำการคณะก้าวหน้า ชั้น 5 ตึกไทยซัมมิททาวเวอร์ (ใกล้ MRT เพชรบุรี).
หน.ทีมฯไม่รู้เศรษฐกิจ : นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รอง หน.พรรคเพื่อไทย ระบุ วิกฤติครั้งนี้สาหัส เพราะไทยมีโครงสร้างเศรษฐกิจพึ่งพากลไกจากภายนอกมาก วิกฤตินี้ไม่ใช่อยู่ในเฉพาะภูมิภาคเหมือนวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 แต่เชื่อมโยงไปทั่วโลก สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือ ทุเลาผลกระทบและต้องสร้างแรงพยุงเศรษฐกิจ ชี้ว่า นโยบายการคลังเป็นตัวสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนวิกฤตินี้จะสาหัสน้อยลง ถ้าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ของรัฐบาล รู้หลักการเศรษฐศาสตร์ที่ดี นำงบฯไปสร้างกิจกรรมที่ทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ แต่เชื่อว่าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจในรัฐบาลปัจจุบันไม่รู้เรื่องนี้.
ลดภาษี เพิ่มเงิน ปชช. : นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ปธ.ปรึกษาพรรค ชี้สถานการณ์เศรษฐกิจการเมืองของประเทศว่า ส่วนตัวยังห่วงปัญหาปากท้องประชาชน โดยเฉพาะวิกฤติเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19 จากเดิมที่เคยมีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน ครึ่งปีนี้ มีเข้าไทยยังไม่ถึง 5 ล้านคน รายได้ภาคท่องเที่ยวลดน้อยถอยลง มาตรการการฟื้นฟูจะต้องเร็ว แรงและตรงเป้า จึงตั้งความหวังไว้กับทีมเศรษฐกิจรัฐบาลชุดใหม่ ต้องวางนโยบายและมาตรการให้ชัดเจน พร้อมเสนอให้รัฐบาลควรออกแบบภาษีด้วยการลดภาษี เพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋าให้ประชาชนมากขึ้น.
ฉีดหมอกฆ่ายุง : นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย นำทีมลงพื้นที่ออกฉีดหมอกควันกำจัดยุงลายและชิคุนกุนยาให้กับหมู่บ้านต่างๆ ในช่วงฤดูฝน และว่า ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกในพื้นที่กรุงเทพฯ พบผู้ป่วยติดเชื้อไข้เลือดออกและเชื้อ “ชิคุนกุนยา” หลายราย จึงได้ร่วมกับทีมงาน ออกหน่วยให้บริการฉีดพ่นหมอกควันกำจัดลูกน้ำยุงลาย เพื่อป้องกันไข้เลือดออก และโรคชิคุนกุนยา ในพื้นที่เขตบึงกุ่ม และเขตคันนายาว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดซ้ำเติมสถานการณ์โควิด-19.
สามีดาราล้มละลาย : เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คําสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด คดีหมายเลขแดงที่ ล.2173/2563 ศาลล้มละลาย กองบังคับคดีล้มละลาย 2 กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม โดยมีข้อความระบุว่า ด้วย ธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) โจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้ จําเลยทั้งสามล้มละลาย และศาลได้มีคําสั่งลงวันที่ 20 ก.ค. 2563 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ บริษัทชาร์เตอร์เฮ้าส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด จําเลยที่ 1 นายสงกรานต์ กระจ่างเนตร จําเลยที่ 2 และนางเบญจวรรณ กระจ่างเนตร จําเลยที่ 3 เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 แล้ว สำหรับ นายสงกรานต์ คือ สามีดาราสาว “แหม่ม” แคทรียา แมคอินทอช.