ต่างชาติสนใจซื้อคอนโดSuper Luxury
“คอลลิเออร์สฯ”ชี้แนวโน้มตลาดคอนโดฯระดับ Super Luxuryในไทยยังเติบโตได้ แม้จะเจอสถานการณ์โควิด-19 เผยซัพพลายคงค้างไม่ถึง 2,000 ยูนิต คาดหลังโรคระบายจบ เศรษฐีต่างชาติสนใจซื้ออสังหาฯในไทย
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในระดับ Super Luxury ราคาขายเฉลี่ยมากกว่า 250,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) ว่า ณ สิ้นปี ไตรมาสที่ 2 ปี พ.ศ.2563 มีการกระจายตัวอยู่ในโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายทั่วกรุงเทพฯประมาณ 35 โครงการ จำนวน 6,027 ยูนิต มูลค่าการพัฒนาอยู่ที่ประมาณ 163,370 ล้านบาท ซึ่งสามารถขายไปแล้วประมาณ 4,050 ยูนิต หรือคิดเป็น 67% ของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด เหลือขายประมาณ 1,977 ยูนิต หรือคิดเป็น 33% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 53,590 ล้านบาท คาดว่าใช้เวลาดูดซับหมดภายใน 24 เดือน
โครงการส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี) ของกรุงเทพฯ คือในพื้นที่ย่านสุขุมวิท ,ชิดลม ,ทองหล่อ ,ราชดำริ ,หลังสวน ,สีลม ,สาทร และริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นต้น ส่วนใหญ่เน้นการพัฒนาห้องพักขนาดใหญ่ โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ตลาดไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ และยังมีกำลังซื้อของเศรษฐีต่างชาติที่ยังคงสนใจในอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับบนในกรุงเทพฯอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงแม้ว่าปัจจุบันยังมีอุปทานคงค้างอยู่ในตลาดอีกกว่า 30%
จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด ประมาณ 6,027 ยูนิต พบว่า ผู้ประกอบการพัฒนาเป็นประเภท 1 ห้องนอน มากที่สุดจำนวน 2,581 ยูนิต หรือคิดเป็น 42.8% และจากการสำรวจ พบว่า รูปแบบสตูดิโอเป็นประเภท 1 ห้อง มีอัตราการขายที่สูงที่สุดที่ประมาณ 77.7% เนื่องจากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด เพียงแค่ประมาณ 36 ยูนิตเท่านั้น รองลงมาคือ ประเภท 2 ห้องนอน ขายไปแล้ว 1,750 ยูนิต หรือคิดเป็น 69.7% จากอุปทานทั้งหมด 2,509 ยูนิต และประเภท 3 ห้องนอนขึ้นไปที่สามารถขายไปแล้ว 1,676 ยูนิต หรือคิดเป็น 66.1%
ซึ่งทั้งจากขนาดห้องพักมีขนาดใหญ่ ไม่แออัด สามารถพักอาศัยได้อย่างสะดวกสบาย บวกกับรูปแบบโครงการที่มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้าน ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของความหรูหราและความเป็นส่วนตัว ซึ่งคอนโดมิเนียมในระดับ Super Luxury ในประเทศไทยส่วนใหญ่เน้นความเป็นส่วนตัว ยูนิตที่ค่อนข้างน้อย ทำเลที่ตั้ง ที่ถือว่าแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และที่สำคัญ ราคาขายถูกเมื่อเทียบกับคอนโดฯในหลายประเทศในเอเชีย ซึ่งจากการควบคุมโควิด-19 ที่ค่อนข้างมีมาตรฐาน อาจเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญให้กำลังซื้อเหล่านั้นมีความเชื่อมั่น และมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่หลังโควิด-19 สิ้นสุดลง กำลังซื้อต่างชาติอาจกลับมาคึกคักอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดคอนโดฯ Super Luxury เป็นอีกตัวเลือกของกำลังซื้อชาวไทยและต่างชาติ ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ใจกลางเมือง”.