คลังเตือน! อย่าเทียบเก็บภาษีวูบกับปีปกติ
“โฆษกคลัง” วอนให้ระวัง! อย่าใช้ข้อมูลจัดเก็บเงินเข้ารัฐที่หดตัวแรงทั้ง 3 กรมภาษีไปเปรียบเทียบกับปีปกติ จากมาตรการรัฐสู้ภาวะเศรษฐกิจ “ซมพิษโควิดฯ” เหตุเพราะเป็น “ปีที่ไม่ปกติ”
นายลวรณ แสงสนิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังรายงานผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิช่วงเดือน ต.ค.2562 – พ.ค. 2563 ว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,500,261 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 189,695 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.2 โดยเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และการดำเนินนโยบายการคลังผ่านมาตรการทางภาษีเพื่อบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนและเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการฯ ด้วยการขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีต่างๆ ออกไปเป็นภายในเดือน ก.ค. – ก.ย.2563 และการลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
ทั้งหมดทำให้ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในปีที่ไม่ปกติ จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับผลการจัดเก็บรายได้ในช่วงสถานการณ์ปกติได้ ดังนั้น ขอให้ระมัดระวังในการนำข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์ด้วย ทั้งนี้ หน่วยงานที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการเป็นสำคัญ ได้แก่
กรมสรรพากร จัดเก็บรายได้รวม 1,086,974 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 139,113 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.3 โดยภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการที่สำคัญ ประกอบด้วย ภาษีมูลค่าเพิ่ม จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการเป็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและการค้าที่หดตัวเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับมีการขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านระบบอินเทอร์เน็ตในเดือนเม.ย.และ พ.ค. 2563 ออกไปเป็นภายในวันที่ 1 มิ.ย. 2563
ภาษีเงินได้นิติบุคคล จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากมีการขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีสำหรับภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิของปี 2562 (ภ.ง.ด. 50) ออกไปเป็นภายในเดือนสิงหาคม 2563 และสำหรับภาษีเงินได้นิติบุคคลจากประมาณการกำไรสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 (ภ.ง.ด. 51) ออกไปจนถึงเดือนกันยายน 2563 และการลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด. 53) จากอัตราร้อยละ 3 เหลืออัตราร้อยละ 1.5 ตั้งแต่เดือน เม.ย. – ก.ย. 2563
และ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากมีการขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี พ.ศ. 2562 (ภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 91) ออกไปเป็นภายในเดือน ส.ค. 2563
กรมสรรพสามิต จัดเก็บรายได้รวม 362,122 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 70,960 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.4 โดยภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากปริมาณรถยนต์ที่ชำระภาษีขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและโควิด-19 ประกอบกับมีการขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีสำหรับภาษีที่ต้องชำระในเดือน พ.ค.และ มิ.ย. 2563 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 ก.ค.2563 และภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จัดเก็บได้กว่าประมาณการ เนื่องจากมีการขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสินค้าน้ำมันฯ ที่ผลิตในราชอาณาจักรในเดือน เม.ย. – มิ.ย.2563
สำหรับ กรมศุลกากร จัดเก็บรายได้รวม 64,384 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 8,516 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.7 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการหดตัวของมูลค่าการนำเข้าอย่างไรก็ดี การจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นและการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ สูงกว่าประมาณการ 11,929 และ 4,747 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.1 และ 3.3 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ในส่วน ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 (ต.ค.2562 – พ.ค.2563) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 1,470,740 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 2,209,125 ล้านบาท รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 392,442 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน พ.ค.มีจำนวนทั้งสิ้น 265,565 ล้านบาท ด้านฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วงเดียวกัน พบว่า รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1,470,740 ล้านบาท โดยมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 2,209,125 ล้านบาท รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 392,442 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน พ.ค.2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 265,565 ล้านบาท.