นำร่อง LINE “คิวหมู่บ้าน” สกัดเงินบริการขนส่งไหลออก

สทบ. ปฏิวัติระบบขนส่งกองทุนหมู่บ้านฯ เปิดตัวแอปฯ LINE “คิวหมู่บ้าน” ดึงกองทุนหมู่บ้านคลองนาเกลือฯ สมุทรปราการ เป็น “โครงการนำร่อง” ทดลองระบบ 1 สัปดาห์ ก่อนขยายผลไปยังกองทุนหมู่บ้านอื่นๆ ทั่วไทย เผย! ไม่เน้นเชิงปริมาณ จึงเปิดให้บริการเฉพาะภายในกองทุนหมู่บ้านฯเดียวกัน ก่อนข้ามเขตอื่น หวั่นมิจฉาชีพแฝงตัวสร้างปัญหา ด้าน “ผอ.รักษ์พงษ์” มั่นใจ โปรเจ็คนี้ช่วย “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้” ช่วยสกัดภาวะเงินไหลออกนอกกองทุนหมู่บ้านฯได้ปีละจำนวนมหาศาล

นี่อาจกลายเป็นการปฏิวัติระบบขนส่งรูปแบบใหม่ ทั้งการขนส่งสิ่งของและขนส่งคนของชุมชนทุกหมู่บ้านกว่า 7.9 แห่งทั่วประเทศไทยในยุค “นิว นอร์มอล”
หาก โครงการ “นำร่อง” ที่ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ภายใต้การนำของ นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ ผอ.สทบ. ได้ประกาศนำ แอปพลิเคชั่น LINE “คิวหมู่บ้าน” ซึ่งเป็นหนึ่งใน โครงการ “แหล่งท่องเที่ยวชุมชน โดยกองทุนหมู่บ้าน” มาทดลองใช้กับกองทุนหมู่บ้านคลองนาเกลือ หมู่ 2 ต.คลองนาเกลือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
กรอบเวลาที่ต้องเรียนรู้…ในลักษณะ “On the Job Training” หรือการเรียนรู้ระหว่างปฏิบัติงาน ภายใต้เงื่อนไข 1 สัปดาห์ อาจดูน้อยเกินไป กระนั้น นายรักษ์พงษ์ ยืนยันว่า…เพียงพอสำหรับการทดสอบและเรียนรู้ เพื่อปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่สำคัญและจำเป็น เนื่องจากระบบที่ นายนัฐพงษ์ จารวิจิต Start Up หนุ่มไฟแรง ผู้พัฒนาและดูแลระบบ LINE “คิวหมู่บ้าน” ให้กับ สทบ.ทำไว้ ค่อนข้างมีความพร้อมในระดับที่น่าพอใจ

นั่นจึงเป็นเหตุผลทำให้ สทบ. ส่งแอปพลิเคชั่น LINE “คิวหมู่บ้าน” มาทดลองใช้กับ กองทุนหมู่บ้านคลองนาเกลือฯ ที่มี นายอภิศักดิ์ บุญแช่ม เป็นประธานกองทุนฯ เนื่องจากมีความพร้อมมากสุด ทั้งในแง่ของสมาชิกผู้ให้บริการ (เจ้าของรถ) เพราะสมาชิกฯมีรถที่จะเข้าร่วมโครงการฯและคอยให้บริการ ตั้งแต่รถจักรยานยนต์ รถเก๋ง รถกระบะ รถบรรทุก 6 ล้อ ไปจนถึงสมาชิกบางคนที่มีรถบรรทุกขนาดใหญ่ 10 ล้อ ขณะที่ ผู้รับบริการ (ลูกค้า) ซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนฯ ก็มีจำนวนมากและมีความต้องการใช้บริการขนส่ง
พูดให้ตรงประเด็น ก็คือ กองทุนฯในโครงการนำร่องนี้ มีความพร้อมทั้ง “ผู้ขาย” (ผู้ให้บริการ) และ “ผู้ซื้อ” (ผู้รับบริการ) แถมในพื้นที่ยังอยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯมากนัก โอกาสที่การว่าจ้างเพื่อการขนส่งจะเกิดขึ้น…ก็ไม่ยากเย็นอะไรนัก ทั้งนี้ เมื่อมีบริการดังกล่าวเกิดขึ้น อาจทำให้สมาชิกฯบางคน ไม่จำเป็นจะต้องออกรถใหม่ให้เป็นภาระในยามนี้

“เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องใหญ่และมีความสำคัญอย่างมาก จำเป็นจะต้องมีการเรียนรู้ระหว่างการทดลองระบบ ซึ่งไม่เพียงคนในกองทุนหมู่บ้านคลองนาเกลือ ที่มีทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการจะทำการทดลองระบบเท่านั้น ผมยังให้เจ้าหน้าที่ของสทบ.ได้เรียนรู้ควบคู่กันไปด้วย รองรับการนำไปขยายผลกับกองทุนหมู่บ้านอื่นๆ ในอนาคต” ผอ. สทบ. กล่าวและว่า ในช่วงแรกจะเน้นให้บริการเฉพาะสมาชิกภายในกองทุนฯเดียวกัน จนกว่าระบบทุกอย่างจะเสถียร จากนั้น จึงจะเปิดให้บริการข้ามกองทุนฯ รวมถึงให้บริการกับคนภายนอกด้วย
เหตุผลที่ยังต้องจำกัดจำนวนกองทุนหมู่บ้านฯเปิดให้บริการ แอปพลิเคชั่น LINE “คิวหมู่บ้าน” เพราะยังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยจากกลุ่มมิจฉาชีพที่อาจแฝงตัวเข้ามาใช้บริการ อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ระบบมีการให้บริการที่เสถียรแล้ว จึงจะเริ่มขยายผลไปยังกองทุนหมู่บ้านฯอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป
นายรักษ์พงษ์ ยังกล่าวถึงเป้าหมายของโครงการฯว่า เพราะต้องการลดค่าใช้จ่ายจากเดิมที่สมาชิกฯเคยจ่ายเป็นค่าบริการขนส่งจากผู้ให้บริการอื่นๆ จากภายนอก แต่เมื่อโครงการนี้เกิดขึ้น นอกจากจะลดรายจ่ายในส่วนนี้แล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างการจ้างงานภายในชุมชนฯ เพราะการที่สมาชิกฯผู้ที่มีรถเข้าร่วมโครงการฯ จะเป็นไปในลักษณะ “ไทม์แชร์ริ่ง” ที่ถูกฝ่ายได้รับประโยชน์ในช่วงที่รถยนต์จอดอยู่เฉยๆ โดยช่วงแรก สทบ.จะไม่คิดค่าบริการแต่อย่างใด ขณะก็จะช่วยในเรื่องการจัดการระบบและจัดเก็บข้อมูล เพื่อประโยชน์ในการวางแผนงานในอนาคต
“เรายังวางระบบที่สามารถจะกำหนด “ราคากลาง” จากจุดต้นทางถึงปลายทาง โดยอิงกับราคาที่ผู้บริการรับขนส่งทั่วไปกำหนดไว้ แต่ผู้ขอรับบริการสามารถต่อรองราคากับเจ้าของรถได้อีก ที่สำคัญ การขนส่งไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือคน ยังสร้างความเชื่อมั่นต่อกันได้สูงมาก เนื่องจากเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน”

สำหรับตัวเลขคาดการณ์ที่จะลดรายจ่ายและสร้างรายได้ให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯแต่ละแห่งนั้น นายรักษ์ ย้ำว่า เบื้องต้นคงไม่สามารถระบุเป็นจำนวนเงินที่ชัดเจนได้ แต่สามารถยกตัวอย่างให้เห็นได้ว่า หากสมาชิกกองทุนหมู่บ้านคลองนาเกลือฯที่มีกว่า 100 หลังคาเรือน ใช้บริการขนส่งไป-กลับระหว่างบ้านนาเกลือฯกับกรุงเทพฯ ในอัตราค่าบริการ 400 บาท/ครัวเรือน/ครั้ง (ไป-กลับ) เมื่อคำนวณรายจ่ายทั้งกว่า 100 หลังคาเรือน ออกมาจะได้มากกว่า 40,000 บาท/ครั้ง และหากคิดเป็นต่อเดือนและต่อปี เชื่อว่าเฉพาะรายจ่ายในการขนส่งภายในกองทุนหมู่บ้านคลองนาเกลือฯ จะมีสูงมาก หากรวมทั้งกว่า 7.9 หมื่นกองทุนฯทั่วประเทศ คงจะเป็นจำนวนมหาศาลทีเดียว
ด้าน นายนัฐพงษ์ จารวิจิต Start Up หนุ่มไฟแรง ผู้พัฒนาและดูแลระบบ LINE “คิวหมู่บ้าน” กล่าวเสริมว่า สิ่งที่ สทบ.จะได้จากโครงการนี้ ก็คือ ฐานข้อมูลความต้องการในการขนส่งสินค้าและขนส่งคน ซึ่งสามารถจะนำไปต่อยอดเพื่อการวางแผนกับงานบริการอื่นๆ เช่น งานแม่บ้าน งานทำความสะอาด การดูแลเด็กและผู้อายุ ฯลฯ โดยในส่วนของการใช้งานบริการ แอปพลิเคชั่น LINE “คิวหมู่บ้าน” นั้น สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ สามารถเพิ่มเพื่อนในกลุ่ม LINE กับกองทุนหมู่บ้านคลองนาเกลือฯ จากนั้น กดติดต่อขอใช้บริการ โดยแจ้งจุดต้นทางและปลายทาง กำหนดวันเวลาที่ต้องการใช้บริการ รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ จากนั้น จะมีผู้ให้บริการตอบกลับผ่าน LINE พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อระหว่างกัน ทั้งนี้ ผู้ขอรับบริการสามารถต่อรองราคาที่เหมาะสม จากราคากลางที่มีให้อยู่แล้วได้ตามราคาใหม่ที่ตกลงกัน.


