เออเบิ้ลฯเลื่อนผุดโครงการใหม่ไปปี64หนีโควิด

“เออเบิ้ล พร็อพเพอร์ตี้ฯ” ประเมินโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาฯ พร้อมเลื่อน 3 โครงการใหม่ไปเปิดตัวปี 64 แทน เจอปัจจัยเสี่ยงทั้งพิษโควิด ซัปพลายล้นตลาด แข่งขันดุเดือน ส่วนโปรเจกต์ร่วมทุน ยังคงเดินหน้าตามแผน
นายสมภพ วาณิชเสนี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เออเบิ้ล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้ลงทุนและพัฒนาโครงการคอนโดฯในทำเลย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯและพัทยา กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงเดือนที่เหลือของปี 2563 ว่า แม้จะเป็นช่วงที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลงก็ตาม แต่โดยภาพรวมบรรยากาศการลงทุนจะแย่กว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ที่รัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆเพื่อช่วยเหลือ
” ผู้ประกอบการรายเล็กบางราย ที่มีความสามารถในการบริหารจัดการ ก็สามารถอยู่รอดได้ โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ได้ให้บทเรียนในการพัฒนาอสังหาฯ ต้องดูในช่วงการโอนด้วย มากกว่าจะดูยอดขายเพียงอย่างเดียว เพราะธุรกิจจะอยู่รอดได้ ต้องมาดูว่าโอนได้ ก็รับรู้รายได้ สามารถนำเงินเข้าบริษัทอย่างแน่นอน”
สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทเออเบิ้ลฯจากนี้ ยังคงชะลอการเปิด 3 โครงการใหม่ ซึ่งเป็นโครงการเดิมที่เลื่อนเปิดมาจากปี 2562 ขยับไปเปิดปี 2564 แทนประกอบกับใน 3 ทำเลที่โครงการใหม่จะไปเปิด จากการสำรวจพบซัปพลายเหลือค่อนข้างมาก การแข่งขันสูง แม้ยังมีความต้องการ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องยอดการปฎิเสธสินเชื่อสูง จึงลดความเสี่ยงไปเปิดในปีหน้าแทน ได้แก่ โครงการแซฟวี่ เสนา จำนวน 148 ยูนิต มูลค่าโครงการ 350 ล้านบาท โครงการทาวน์เฮาส์ ย่านรังสิต คลอง7 ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 18-19 ไร่ จำนวนทั้งสิ้น 140-150 ยูนิต ราคาประมาณ 1-1.6 ล้านบาท และโครงการแอททิจูด พหลฯ–เสนาฯ จำนวน 124 ยูนิต มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท
ขณะเดียวกันในแผนปี 64 แปลงบริเวณห้าแยกลาดพร้าว หน้าโรงเรียนเซนต์จอห์น จะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม แต่ด้วยการแข่งขันที่สูง และศักยภาพของทำเลที่ตั้ง ทำให้ต้องปรับแผนมาเปิดโรงแรมแทน
ในด้านของโครงการร่วมทุนกับ 2 พันธมิตร อีก 4 โครงการ โดยโครงการแรกเป็นการก่อตั้งบริษัท คัลเลอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ขึ้นมาเพื่อพัฒนาโครงการ “อารมณ์วงศ์อมาตย์” รูปแบบของซูเปอร์ลักชัวรี่คอนโดมิเนียมระดับหรู มูลค่าโครงการเกือบ 4,000 ล้านบาท ต้องเลื่อนไปเปิดช่วงปลายเดือนกรกฎาคมปีนี้แทน และอีก 1 อาคารจะเป็นโรงแรม ระดับ 5 ดาว จำนวนกว่า 300 ห้อง มูลค่าการลงทุน 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวได้ในปี64
ส่วน 3 โครงการที่เหลือ เป็นการพัฒนาในพื้นที่ปริมณฑล และพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ตามแผนเปิดในปี 64 ได้แก่ โครงการคอนโดฯบริเวณจอมเทียน พื้นที่ 2 ไร่ โครงการย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ รูปทาวน์เฮาส์ มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท และโครงการแนวราบย่าน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง .