พลัสฯระบุคนจีนอยากเที่ยวไทยสูงถึง71%

บริษัทพลัสฯ ประเมินการท่องเที่ยวยังน่าห่วง โควิด-19 พ่นพิษกระทบเศรษฐกิจทุกภาคธุรกิจ เกิดปัญหาว่างงาน ลดเงินเดือน แต่ก็มีมุมเชิงบวก ท่องเที่ยวจะฟื้นตัว อิงผลสำรวจ ชาวจีนเลือกไทยอันดับ 1 อยากเดินทางเข้ามาสูงถึง 71%
น.ส.สุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ ในระยะสั้น จะกระตุ้นให้คนไทยออกมาท่องเที่ยวได้ แต่ผลในระยะยาว ยังต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะเรื่องกำลังการใช้จ่ายลดลง เนื่องจากเกิดปัญหาการว่างงานที่เพิ่มขึ้น การลดเงินเดือน ที่เป็นผลกระทบมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงต้องติดตามการกลับมาของชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักของเมืองท่องเที่ยวและเนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มมาพักผ่อนตามเมืองท่องเที่ยวเป็นระยะเวลานานขึ้น เพราะสามารถทำงานในลักษณะของ Remote Working ได้ จึงเกิดความต้องการพักอาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมมากขึ้น อสังหาริมทรัพย์จึงเข้ามามีบทบาทกับการท่องเที่ยวมากขึ้น
พลัสฯ คาดว่า สถานการณ์การการท่องเที่ยวจะค่อยๆ กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น (จากผลสำรวจของซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส์ และเดลิเวอร์ริ่ง เอเชีย พบว่า ไทยยังเป็นอันดับ 1 ของเมืองท่องเที่ยวที่คนจีนอยากเดินทางมาเที่ยวมากที่สุดหลังโควิด-19 สูงถึง 71%) ขณะที่อสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยว (หัวหิน พัทยา และภูเก็ต) จะกลับมาคึกคักขึ้นหลังคลายล็อกดาวน์ ซึ่งการท่องเที่ยวมีส่วนกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยวโดยตรง
“ประเมินว่า หัวหินจะกระทบน้อยที่สุด และฟื้นตัวได้ดี เนื่องจากนักท่องเที่ยวหลักเป็นคนไทย แต่ในภูเก็ตกับพัทยา พบว่า เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพราะฉะนั้นกระทบมากกว่าและจะฟื้นตัวเร็วแค่ไหน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละประเทศของนักท่องเที่ยวหลักในพื้นที่นั้นๆ”
โดยภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยา รอบสำรวจเดือนมีนาคม 2562 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มีคอนโดฯ เปิดใหม่ 13 โครงการ จำนวนยูนิต 12,952 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปี 2559-2561 ที่มีโครงการเปิดใหม่อยู่ที่ 7 โครงการต่อปี โดยเกือบ 90% ของจำนวนยูนิตทั้งโครงการที่เปิดขายใหม่ทั้งหมดในปี 62 อยู่ในจอมเทียน อัตราการขายอยู่ที่ 40% จากจำนวนยูนิตที่มีเสนอขายในตลาดที่ 13,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นก่อนหน้าที่ 32% และถ้าดูยอดขายของ Segment ที่มียูนิตเปิดใหม่มากที่สุด คือ กลุ่มราคามากกว่า 120,000 บาทต่อ ตร.ม. มีอัตราการขายอยู่ที่ 39% จากจำนวนยูนิตที่มีเสนอขายที่ 7,500 ยูนิต โดยลดลงจากปีก่อนหน้าที่ 54%
และเมื่อพิจารณาจำนวนหน่วยจากโครงการเปิดใหม่ทั้งหมด และยอดขายของกลุ่มที่อยู่อาศัยที่มีสัดส่วนในตลาดมากที่สุด รวมถึงผลกระทบจากโควิด-19 มีความเห็นว่า อาจจะเกิดภาวะซัปพลายล้นตลาด และนักพัฒนาอสังหาฯจะต้องระวังในการเปิดโครงการใหม่มากขึ้น.