ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวเร็วหลังคลายล็อกดาวน์
ภาคธุรกิจโรงแรมของไทยมีแนวโน้มที่จะเริ่มเข้าสู่ระยะฟื้นตัว หลังรัฐบาลคลายล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง เจแอลแอล คาดว่า ตลาดโรงแรมของกรุงเทพฯและภูเก็ตจะผ่านจุดต่ำสุดในเร็วๆ นี้ ในแง่ของอัตราการเข้าใช้บริการห้องพัก
ภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมของไทย ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง นับตั้งแต่พบผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 รายแรกเมื่อวันที่ 13 มกราคมปีนี้ และมาตรการล็อคดาวน์ที่เกิดขึ้น ตามมาซึ่งนำไปสู่การควบคุมการเดินทางทั้งในและระหว่างประเทศ ส่งผลให้อัตราการเข้าพักโรงแรมและค่าบริการห้องพัก ปรับตัวดิ่งลงอย่างรุนแรงในช่วงสี่เดือนแรกของปี
อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ มีความเป็นไปได้ ที่ภาคธุรกิจโรงแรมของทั้งกรุงเทพฯและภูเก็ตจะเริ่มค่อยๆ ฟื้นตัว เนื่องจากเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เป็นที่ยอมรับในระดับโลก เห็นได้จากการที่กรุงเทพฯ ได้รับการจัดอันดับโดยมาสเตอร์การ์ด ให้เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลก ติดต่อกัน 4 ปีซ้อนระหว่างปี 2559 – 2562 ในขณะที่ภูเก็ตได้รับการจัดอันดับจากทริปแอดไวเซอร์ ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับ2ของเอเชียในปี 2562 นอกจากนี้ ยังหนุนด้วยความพยายามในการยกระดับมาตรฐานด้านความสะอาดและสุขอนามัย ตามแคมเปญ Amazing Thailand Safety and Health Administration ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ริเริ่มขึ้น เพื่อยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
นายจักรกริช จักรพันธุ์ ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุน หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล กล่าวว่า ผู้ประกอบการและนักลงทุนกำลังเฝ้าติดตามการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ของสถานการณ์โรคระบาดภายในประเทศ คาดว่า กรุงเทพฯ จะเป็นหนึ่งในตลาดโรงแรมของเอเชียที่ฟื้นตัวได้เร็วที่สุด เนื่องจากมีการพึ่งพาแหล่งรายได้ที่ค่อนข้างมีสมดุล จากผู้ใช้บริการเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจและการท่องเที่ยว ส่วนภูเก็ต การฟื้นตัวมีแนวโน้มที่จะใช้เวลานานกว่า เนื่องจากพึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก
“เจแอลแอล คาดว่า กรุงเทพฯ จะมีโรงแรมที่เจ้าของประสบปัญหา จนต้องนำออกเสนอขายจำนวนไม่มาก เมื่อเทียบกับหัวเมืองอื่นๆ เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ยังคงมีความมั่นคงทางการเงิน ในขณะเดียวกัน มีนักลงทุนที่กำลังสนใจมองหาโอกาสการซื้อโรงแรม โดยเฉพาะบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และกองทุนไพรเวท อิควิตี้ ซึ่งรับความเสี่ยงได้มากกว่า ในขณะที่ตลาดการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวไม่เต็มที่”
นางปิตินุช ภู่พัฒน์วิบูลย์ รอบบินส์ รองประธานอาวุโสฝ่ายที่ปรึกษา หน่วยธุรกิจบริการที่ปรึกษาด้านโรงแรมของเจแอลแอล กล่าวว่า ภาคธุรกิจโรงแรมของไทยมีศักยภาพที่จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าในหลายประเทศทั่วโลก แต่ตลาดโรงแรมในแต่ละทำเล อาจต้องอาศัยกลยุทธ์รองรับการฟื้นตัวของธุรกิจที่แตกต่างกันไป ซึ่งโดยรวมเชื่อว่า การดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมา จะไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากความมั่นใจของนักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทยมีอยู่สูงเป็นทุนเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้น่าจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการโรงแรมและนักลงทุนด้วย.