“วิทัย” ชูออมสินสู่ “แบงก์เพื่อสังคม” แก้ปมเหลื่อมล้ำ
“วิสัยทัศน์…วิทัย” กับบริบทใหม่ “ผอ.แบงก์ออมสิน” ลำดับที่ 17 ประกาศนำองค์กรสู่การเป็นธนาคารเพื่อสังคม หวังเป็นกำลังหลักสำคัญของรัฐบาล ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ พร้อมทอนกิจกรรมเกินจำเป็นของผู้บริหาร เติม สภาพคล่องดูแลพนักงานทุกคน เผย! สิ่งท้าทายสุด คือ จัดการหนี้เสียและหนี้ค้างจ่าย 1.35 แสนล้านบาท ยืนยัน พร้อมทำหน้าที่ให้ดีสุด นำพากำไรมาสู่องค์กรอย่างต่อเนื่อง
1 ก.ค.2563 วันแรกของไตรมาสที่ 4 สำหรับปีงบประมาณ และไตรมาสที่ 3 ของปีปฏิทิน
เช่นกัน…สำหรับแบงก์รัฐขนาดใหญ่ที่มีสินทรัพย์มากถึง 2.87 ล้านล้านบาท และมีเงินฝากที่ระดับ 2.47 ล้านล้านบาท อย่างธนาคารออมสินแล้ว วันนี้…ถือเป็นอีกวันแห่งฤกษ์งามยามดี เมื่อได้ต้อนรับ “ผอ.คนใหม่ ลำดับที่ 17” เช่น นายวิทัย รัตนากร
นับจากวันนี้…เขาจะเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ต่อไปจนกว่าจะครบวาระ 4 ปี
แม้จะเป็น “ผอ.ใหม่” แต่สำหรับ นายวิทัยแล้ว ถือเป็น “ลูกหม้อ” คนหนึ่งของแบงก์แห่งนี้ เพราะเขาเคยทำหน้าที่ระดับ “รอง ผอ.” ทั้งกลุ่มลูกค้าธุรกิจภาครัฐ ในปี 2558 และ กลุ่มลงทุน ในปี 2560 ก่อนในเวลาต่อมา จะขยับไปนั่งเก้าอี้ รักษาการ ผจก.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) และ เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
ทันทีที่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ นายวิทัยได้มอบนโยบายการบริหารงานและแนวทางในการปฏิบัติงานแก่คณะผู้บริหารธนาคารออมสิน ยืนยันพร้อมจะสานต่อแนวทางของ ผอ.คนก่อน (นายชาติชาย พยุหานาวีชัย) และตั้งเป้าหมายระยะต่อไปให้ธนาคารออมสินเป็นธนาคารเพื่อสังคม เป็นกำลังหลักของประเทศอย่างแท้จริงในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยจะเน้นเรื่องการขยายสินเชื่อเพื่อสังคม ให้ประชาชนระดับฐานรากให้มากขึ้น และลดการทำธุรกรรมในเชิงพาณิชย์ลง แต่ก็ยังอยู่ในสัดส่วนที่สามารถทำกำไรได้อยู่
ผอ.ธนาคารออมสิน ยอมรับว่า จากนี้…ความท้าทายในการทำงานจะถูกโฟกัสไปที่เรื่องหนี้เสียและการกันสำรองตามคำสั่งของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปัจจุบัน ธนาคารออมสินมีหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) เดิมจำนวน 4 แสนบัญชี วงเงิน 6.5 หมื่นล้านบาท แต่ได้ตั้งสำรองหนี้แล้ว เพียงจากนี้…จะต้องดำเนินกลยุทธ์เพื่อแก้ไขเอ็นพีแอลกลุ่มนี้ ให้กลับมาเเป็นหนี้ปกติต่อไปโดยที่สุด
อีกกลุ่มที่ท้าทายไม่ต่างกัน นั่นคือ กลุ่มหนี้ที่ค้างชำระ แต่ยังไม่เป็นเอ็นพีแอลก ซึ่งมีราว 3 แสนบัญชี วงเงิน 70,000 ล้านบาท และเป็นกลุ่มที่เขาและผู้บริหารปัจจุบันจะต้องดูแลเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ หากนับรวมทั้ง 2 กลุ่ม จะพบว่า ธนาคารออมสินมีความท้าทายอย่างมาก ต่อการจะแก้ไขปัญหานี้ เพราะมูลค่าของเม็ดเงินรวมกันสูงถึง 1.35 แสนล้านบาทเลยทีเดียว
“ผมจะทำให้ดีที่สุด และเชื่อมั่นว่าธนาคารออมสิน ยังจะมีกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่อง…” นั่นคือ บางช่วงที่เขากล่าวระหว่างเข้าทำงานวันแรกและมอบนโยบายให้กับผู้บริหารของธนาคารออมสิน
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด นายวิทัย จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ส่วนกลาง พร้อมให้การสนับสนุนในการทำงาน และดูแลพนักงานในสาขาให้มากขึ้น พร้อมยืนยันว่าจะมีการจ่ายค่าล่วงเวลาในการทำงานพิเศษ เพิ่มให้ 2 เท่า ส่วนลูกจ้างนั้น จะพิจารณามอบโบนัสให้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ธนาคารออมสินในยุคของเขา พร้อมจะเดินหน้าบริหารจัดการสภาพคล่องอย่างเหมาะสม ด้วยการลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นสำหรับผู้บริหารลง เพื่อให้มีสภาพคล่องเพียงพอในการดูแลพนักงานทั้งหมด
และนั่นคือ สิ่งสะท้อนตัวตนในบริบทใหม่ กับสถานะใหม่ “ผอ.ธนาคารออมสิน” ลำดับที่ 17 ของนายวิทัย รัตนากร.