แนะอสังหาฯรักษาเงินสดฝ่าวิกฤตโควิด
ธุรกิจอสังหาฯปรับตัว สู้วิกฤตโควิด-19 “นายชายนิด อรรถญาณสกุล”แนะทุกธุรกิจต้องบริหารสภาพคล่องเป็นหลัก ห่วงพิษไวรัสกระทบภาคท่องเที่ยว อสังหาฯ อย่างหนัก คาดใช้เวลาฟื้นตัวไม่ต่ำกว่า 2 ปี
นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) “PF” กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังว่า พอเห็นสัญญาณบวก โดยเฉพาะตลาดแนวราบในทุกระดับราคายังไปได้ ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมยังชะลอตัว ซึ่งคาดว่าจะกลับมาพลิกฟื้นตัวอย่างน้อย 2 ปี เช่นเดียวกับภาคการท่องเที่ยว ที่ถูกกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดจะฟื้นตัวภายในปี 2565 แต่หากการผลิตวัคซีนได้ผลสำเร็จ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวน่าจะใช้เวลาฟื้นตัวในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้า
“เพื่อรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ภาคธุรกิจจะต้องมีการปรับตัวและจัดการสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะทุกธุรกิจต้องเน้นเรื่องการบริหารสภาพคล่องเป็นหลัก และต้อง บริหารเรื่องบุคลากร และลดการเลิกจ้างพนักงาน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในขณะนี้ ทุกคนต้องช่วยกัน ทุกคนโดนตัดเงินเดือนกันหมด ทั้งนี้ หากเราไม่ลดคน นั่นหมายความว่า เราต้องพยายามสร้างรายได้ เราต้องรุกขึ้นมาสู้ ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ ในการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กับมาพลิกฟื้นอีกครั้ง เพราะส่งผลกับคนจำนวนเยอะ ไม่ว่าจะเป็นคนขับรถแท็กซี่ คนขับรถเมล์ หมอนวด แม่บ้าน ซึ่งกระทบหมด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้รายวัน ต้องพยายามแก้ส่วนนี้ก่อน ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์ ผมว่า ไม่ต้องกระตุ้นแล้ว อยู่เฉยๆ แต่หากพอ 1-2 ปี เศรษฐกิจฟื้นตัว ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะกลับมา ก็แปลว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีถึงจะเริ่มดีขึ้น”
สำหรับแผนธุรกิจในครึ่งปีหลังของบริษัทฯนั้น ยังคงเน้นการบริหารสภาพคล่อง ทั้งเรื่องการจำหน่ายที่ดินออกไป รวมถึงการขายหุ้นในธุรกิจโรงแรม ได้แก่ รอยัล ออร์คิด เชอราตัน ที่ถือหุ้นโดยบริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ROH ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ โดยคาดว่าภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จะสามารถสรุปผลการเจรจากับ 4 บริษัทผู้ลงทุน ทั้งจากผู้ที่สนใจในประเทศ 2 ราย และจากต่างประเทศ ที่จะเข้ามาซื้อหุ้น ROH
“เดิมการดีลจะจบในไตรมาส 2 แต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้ลงทุนก็ชะลอ แต่คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ซึ่งรายการพิเศษดังกล่าวจะบันทึกภายในไตรมาสดังกล่าว การที่เราขายหุ้นออกไป ซึ่งมีมูลค่า 5,500 ล้านบาท จะมีสัดส่วนคิดเป็น 50% ของภาระหนี้ของ ROH และหากสามารถขายได้ ภาระหนี้สินต่อทุน (D/E) ของทั้งกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จะลงไป 0.4-0.5 จากเดิม D/E อยู่ 2 เท่า”
ในส่วนของผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 63 บริษัทฯและบริษัทย่อย มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 51.7 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากธุรกิจอสังหาฯ มีจำนวน 2,637.4 ล้านบาท ลดลงจำนวน 1,745.7 ล้านบาท หรือ 39.8% เมื่อเทียบกับจำนวน 4,383.1 ล้านบาท