สทบ.รุกต่อ! รับยุทธศาสตร์ “โลคั่ล อีโคโนมี” ของรัฐบาล
สทบ.เดินหน้าทำงาน “ยกระดับกองทุนหมู่บ้านฯ” สอดรับเป้าหมายรัฐบาล ที่มุ่งเน้นสร้างLocal Economy รองรับคนตกงานคืนถิ่น 8 ล้านคนในอนาคต ด้าน “รักษ์พงษ์” ดันท่องเที่ยวและบริการโดยกองทุนหมู่บ้านฯ พ่วงขายสินค้าผ่านแอปฯไลน์ หวังต่อยอด “สร้างงาน เพิ่มรายได้ ลดรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิต” ให้กับสมาชิกฯ ล่าสุด! นัดสมาชิกกองทุนฯ 16 จังหวัด จาก “อีสาน กลาง และใต้” แลกเปลี่ยนสินค้ามูลค่ากว่าครึ่งล้านบาท ที่ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด
แนวทางการดำเนินงานของ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ยุค นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ ผอ.สทบ. คนปัจจุบัน สอดรับกับ เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ ของ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน
ปลายทาง คือ รังสรรค์ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน…อยู่ดีกินดีในวิถีชุมชน ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ว่าจะนัย…“สร้างงาน สร้างรายได้ ลดรายจ่าย เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” ให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองกว่า 12.9 ล้านครัวเรือน หรือราว 40 ล้านคน ในกว่า 7.9 หมื่นกองทุนฯทั่วประเทศ
หรือนัย…สร้างความเข้มแข็งต่อระบบเศรษฐกิจฐานราก ในความหมายของรัฐบาล โดยเฉพาะ การสร้างงานสร้างอาชีพในชุมชนท้องถิ่น รองรับกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จนมีคนว่างงานราว 2 ล้านคนในวันนี้ และอาจมากถึง 8 ล้านคนในวันข้างหน้า เพื่อให้กลุ่มคนที่เดินทางกลับไปใช้ชีวิตในบ้านเกิด…ได้มีงานทำ โดยไม่จำเป็นต้องกลับเข้าไปหางานทำในต่างเมืองอีกต่อไป
โชคดีที่พวกเขามี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจาก นายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ ประธานคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) และเป็น นายสมคิด ที่พยายามหันเหทิศทางของประเทศไทยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานราก เน้นการดำเนินงานในเชิง Local Economy หรือ เศรษฐกิจชุมชน ที่ถูกเปรียบเปรยว่า “รากแก้ว” ของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมทั่วโลก
แผนการออก พ.ร.ก.เงินกู้ฯ 1 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะในส่วน เม็ดเงิน 4 แสนล้านบาท ที่จะนำมาใช้เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม โดยระหว่างนี้…คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ที่มี เลขาธิการสภาพัฒน์เป็นประธานฯ กำลังคัดกรองโครงการ/แผนงานที่มีหน่วยงานต่างๆ เสนอเข้ามา ณ วันที่ 22 มิ.ย.2563 มากกว่า 43,851 ข้อเสนอ รวมวงเงินกว่า 1.36 ล้านล้านบาท หรือมากกว่า 4 เท่าตัวของวงเงินจริง
เป้าหมาย…ก็เพื่อตอบโจทย์นโยบายของรัฐบาลเป็นสำคัญ!
ว่ากันว่า…ใน 43,851 ข้อเสนอนั้น เกือบร้อยละ 70 หรือคิดเป็นเม็ดเงินราว 8 แสนล้านบาท ล้วนเป็นโครงการที่ซ้ำซ้อนกับโครงการ/แผนงานเดิมของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็น…การสร้างถนนหนทาง ขุดลอกคูคลอง แก้ปัญหาภัยแล้ง แก้ปัญหาน้ำท่วม และอื่นๆ
หากยึดโยงกับเป้าหมายของรัฐบาล แทบที่คณะกรรมการกลั่นกรองฯ สามารถตัดทิ้งไปได้เลย!
อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูผลการแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนในช่วงเช้าวันที่ 26 มิ.ย.2563 ซึ่ง สภาพัฒน์ ได้ทำการนัดหมายเพื่อชี้แจงเรื่องเกี่ยวกับ “ความก้าวหน้าของการวิเคราะห์โครงการภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ” ซึ่งก็คือ ข้อสรุปเบื้องต้นของการพิจารณาข้อเสนอทั้งหมดที่มีนั่นเอง
ไม่ต้องรอการพิจารณาคัดกรองโครงการ/แผนงานของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ภายใต้การจัดการของสภาพัฒน์…
นายรักษ์พงษ์ ยังคงเดินหน้า นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของ สทบ. รวมถึงคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้บริหารและสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ อย่างต่อเนื่อง
การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ จากจังหวัดต่อจังหวัด ภูมิภาคต่อภูมิภาค เป็น…หลายกลุ่มจังหวัดต่อกลุ่มจังหวัด หลายภูมิภาคต่อภูมิภาค ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขยายวงกว้างออกไปทั่วประเทศ
ไม่เพียงแค่นั้น…สทบ.ยังขยายแนวคิดการ …“สร้างงาน สร้างรายได้ ลดรายจ่าย เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” ให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน ที่เรียกว่า “การท่องเที่ยวชุมชนโดยกองทุนหมู่บ้าน” รวมถึงปรับเพิ่มงานในภาคบริการอื่นๆ อาทิ ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ที่พักอาศัย และงานบริการอื่นๆ ขึ้นมา เพื่อที่จะรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นเพื่อนสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ และไม่ใช่สมาชิกฯ
ตั้งเป้า…ทำให้ได้ถึง 20,000 แหล่งท่องเที่ยวชุมชนทั่วประเทศ
ภายในแหล่งท่องเที่ยวชุมชนโดยกองทุนหมู่บ้าน…จะมีการนำสินค้าและบริการ ภายใต้แบรนด์ “กทบ.” อาทิ ข้าวสารบรรจุถุง อาหารแห้ง ผักและผลไม้ รวมถึงสินค้าเกษตกรอื่นๆ น้ำดื่ม ขนม ของฝาก สินค้าหัตถกรรม ฯลฯ เข้าไปวางจำหน่าย เพื่อเพิ่มโอกาสการขายสินค้าและบริการให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯได้มากยิ่งขึ้น
สถานบริการ เช่น ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้า ที่พักอาศัย และในอนาคตอาจมีศูนย์ซ่อมบำรุงยานพาหนะสำหรับการขนส่งภายในจังหวัดและระหว่างเมือง รองรับแนวคิด “วินชุมชน” หรือ บริการรับขนส่งพัสดุภัณฑ์และสินค้าให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ จะกลายเป็น…ทั้งแหล่งเรียนรู้ แหล่งฝึกงาน และแหล่งจ้างงานของคนในพื้นที่ โดยเฉพาะ เครือข่ายสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ได้เป็นอย่างดี
ตรงกับแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของ รัฐบาล และรองนายกฯสมคิด
ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสมคิด ได้ฉายภาพทิศทางแห่งอนาคตของประเทศไทย ในฐานะ ประธานเปิดโครงการเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทย ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมคอนราด แบงคอก ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ โดยกล่าวตอนหนึ่งในการปาฐกถาพิเศษ “การฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย หลัง COVID-19” ว่า…
“รัฐบาลจำเป็นต้องผ่อนคลายอย่างระมัดระวัง แม้ปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลายแล้วก็ตาม ดังนั้น จึงเน้นทุ่มเทการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำการเปลี่ยนแปลงผ่านโครงการเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทย หลังจากที่ผ่านมาเน้นส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติและเร่งพัฒนาการส่งออก แต่จากนี้คงต้องหันมาพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ หลังจากมีคนไทยหลายล้านคน ย้ายกลับไปอยู่ในต่างจังหวัดช่ วงที่ตกงานเพราะไวรัสโควิด” และอีกตอนหนึ่งว่า… “จากนี้…เครื่องมือทุกอย่าง นโยบายทุกด้าน จะมุ่งเน้นไปสู่ชุมชนอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมกันพัฒนาด้านขนส่งและการท่องเที่ยวชุมชน”
ตรงกับภารกิจที่ สทบ. ทำแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน!
ขณะเดียวกัน นายรักษ์พงษ์ ก็ได้นำ คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของ สทบ. รวมถึงคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้บริหารและสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ณ ห้องประชุม อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด พร้อมร่วมเป็นสักขีพยายาน ในพิธีแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างและสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ 16 จังหวัด จาก…ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ ได้แก่ สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯจาก จ.ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ นครพนม ยโสธร นครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม ชัยภูมิ สมุทรปราการ เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา ชุมพร สระแก้ว และสตูล
สินค้าที่นำมาแลกเปลี่ยนระหว่างกัน ประกอบด้วย ข้าวสาร ผักผลไม้ อาหารแปรรูปและอาหารทะเลแปรรูป รวมมูลค่ากว่า 633,000 บาท พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดพื้นที่ขายสินค้าของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ในพื้นที่ 20 อำเภอของ จ.ร้อยเอ็ด และจากเพื่อนสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯและประชาชนทั่วไป ได้เลือกซื้อกว่า 30ชนิดในราคาประหยัด เพราะไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ทั้งยังช่วยอุดหนุนสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน โดยไม่ต้องเดินทางไปไกลอีกด้วย
ระหว่างนั้น ได้เชิญชวนตัวแทนสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ทั้งที่อยู่ในพื้นที่และเดินทางไกลมาจากต่างถิ่น เข้าร่วมเป็นสมาชิกเครือข่าย แอปฯไลน์ “ตลาด กทบ.” ทั้งนี้ นายรักษ์พงษ์ ย้ำว่า “จากที่ สทบ. ได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น LINE ในชื่อ “ตลาด กทบ.” อย่างเป็นทางการ ณ พื้นที่กองทุนหมู่บ้านวังปลาไหล อ.บ้านนา จ.นครนายก เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้สร้างความสนใจให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านที่เป็นทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย จึงอยากขอเชิญชวนผู้สนใจสมัครเข้าร่วม กลุ่มไลน์ “ตลาด กทบ.” เพราะนอกจากทำให้สมาชิกกองทุนฯ ได้มีงานทำและมีรายได้แล้วยังมีเป็นการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคงได้ต่อไป”
สำหรับ ความคืบหน้าของโครงการฯ ที่ สทบ.นำเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองฯ วงเงิน 40,000 ล้านบาท นั้น นายรักษ์พงษ์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการปรับรายละเอียดโครงการฯเพื่อนำเสนอไปยัง สภาพัฒน์ อีกครั้งหนึ่ง แต่เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะโครงการที่เสนอไปสอดรับเป้าหมายของรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ ส่วนจะได้รับการจัดสรรวงเงินตามที่เสนอไปหรือไม่? คงต้องรอการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองฯอีกที.