ธนารักษ์จ่อประมูล “เช่าที่ราช-ขายที่ยึดนิติเหตุ”
“ยุทธนา” ดันธนารักษ์ เปิดประมูลออนไลน์ ที่ราชพัสดุทั่วไทย ทั้งที่เป็น “ที่ดินเปล่า – ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง – เขตเศรษฐกิจพิเศษ – สนามกอล์ฟ – ท่าเรือฯ” รวมดึง “ที่ดินนิติเหตุ” ยึดจากแก๊งผิดกฎหมาย เริ่มเคาะช่วง ส.ค.นี้ ตั้งเป้ารายได้รวม 5 พันล้านบาท
กรมธนารักษ์ในยุคของ นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีฯคนปัจจุบัน ดูโดดเด่นและไม่เงียบเหงาเหมือนช่วงหน้านี้ ไม่เพียงการรับลูกนโยบายรัฐบาลและกระรวงการคลังมาดำเนินงาน หากยังลงไปสร้างกิจกรรมใหม่ๆ กับผู้เช่าและผู้ที่เคยบุกรุกที่ราชพัสดุ ตั้งแต่การเปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ การสร้างตลาดนัดชุมชนเพื่อสร้างรายได้ โดยไม่เก็บค่าเช่าที่ การมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ ฯลฯ ทั้งหมดสอดรับแนวทางสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และเติมเต็มเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างน่าสนใจ
ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กรมธนารักษ์ก็มีกิจกรรมแจกจ่ายอาหาร ข้าวสารแห้ง และของใช้จำเป็นอื่นๆ ล่าสุด ยังเตรียมแจกอาหารกล่องให้กับชุมชนเมืองทั่วประเทศอีก แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้น คงไม่พ้นโครงการขนาดใหญ่ที่กรมธนารักษ์เตรียมจะนำที่ราชพัสดุทั่วประเทศ ทั้งที่ที่เป็น…ที่ดินรกร้างว่างเปล่า ที่ดินขอคืนจากส่วนราชการ ซึ่งไม่มีการใช้ประโยชน์ รวมถึง “ที่ดินนิติเหตุ” ที่ยึดมาจากขบวนการผิดกฎหมาย เช่น การค้ายาเสพติด และการทำผิดกฎหมายทั่วไป โดยตกเป็นของรัฐ ภายใต้การดูแลของกรมธนารักษ์
นายยุทธนา ระบุว่า หากเป็นที่ราชพัสดุแท้ๆ กรมฯได้ทำแค่เพียงให้เอกชนเช่าในระยะยาว 30 ปี แต่ถ้าเป็น “ที่ดินนิติเหตุ” สามารถจะเปิดประมูลเพื่อขายขาดได้ทันที เพราะมีกฎหมายมารองรับ เบื้องต้น มี “ที่ดินนิติเหตุ” ทั้งแปลงเล็กและใหญ่ ตั้งแต่ไม่กี่ร้อยตารางวา ในเขตเมืองและจังหวัดใกล้เคียง จนถึงที่ดินแปลงใหญ่หลายสิบและหลายร้อยไร่ในพื้นที่ต่างจังหวัด รวมกันเกือบ 300 แปลง โดยกรมฯเตรียมจะเปิดประมูลทั้งที่ราชพัสดุเพื่อการเช่าระยะยาว และ “ที่ดินนิติเหตุ” ที่จะขายขาด โดยแยกการประมูลออกจาก และดำเนินการในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ผ่านการเปิดประมูลออนไลน์ ซึ่งจะกำหนดช่วงเวลาการเปิดประมูลยาวนานมากกว่า 7 วัน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือน ส.ค.นี้
“คาดว่าจะมีรายได้หลายพันล้านบาท เนื่องจากในส่วนที่เป็นที่ราชพัสดุ มีหลายแปลงที่จะถูกไปจัดสร้างเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เบื้องต้นมีที่ จ.หนองคายประมาณ 1 พันไร่ และที่จ.มุกดาหารอีก 800 ไร่ นอกจากนี้ ยังจะเปิดประมูลสนามกอล์ฟ อ.บางพระ จ.ชลบุรี อีกกว่า 600 ไร่ ที่ราชพัสดุบริเวณท่าข้าวกำนันทรง จ.นครสวรรค์ รวมถึงท่าเรือ จ.สงขลา ที่เบื้องต้น หากเปิดประมูลจะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมและค่าเช่าในปีแรกราว 500 ล้านบาท และค่าเช่าอย่างเดียวในปีต่อๆ อีกกว่า 50 ล้านบาทต่อปี” อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวและว่า ในส่วน “ที่ดินนิติเหตุ” เอง หลายแปลงที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล แม้จะมีเนื้อที่ไม่มากแต่ราคาก็สูง คาดว่าจะมีรายได้ในส่วนนี้ ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ทั้งนี้ กรมฯจะใช้เวลาในการเปิดประมูลให้นานขึ้น เพราะจะได้ราคาจากการประมูลที่สูงขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กรมธนารักษ์เองคาดหวังจะมีรายได้จากการประมูลที่ราชพัสดุ ทั้งที่ส่วนที่เป็นสัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ดินแปลงใหญ่และมีทำเลดี รวมถึง “ที่ดินนิติเหตุ” ที่จะทำการปิดประมูลเพื่อขายขาด รวมกันไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท.