“กลุ่มบิวท์ฯ”เผยแบ็กล็อกงานสร้างบ้านหนุนรายได้
บิวท์ ทู บิวด์ เผยแบ็กล็อกงานก่อสร้างไตรมาสแรกดันผ่านวิกฤตโควิดอย่างหายห่วง พร้อมเปิดทุกช่องทางออนไลน์ปรับตัวสู้ เชื่อลูกค้าเป็นเรียลดีมานด์ยังมีปริมาณหนาแน่น รอสถานการณ์คลี่คลาย
นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ บริษัทรับสร้างบ้านคุณภาพ เปิดเผยถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า กระทบต่อธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างมาก เนื่องจากลูกค้าชะลอการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านออกไปเพื่อรอให้สถานการณ์ต่างๆจบลง ซึ่งวิกฤตจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ร้ายแรงกว่าทุกครั้งในรอบ 100 ปี ทำให้โอกาสการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยหลังจากนี้ จะเป็นในลักษณะรูปแบบ U-Shape โดยจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งต้องใช้เวลารวมทั้งต้องอาศัยมาตรการต่างๆ ที่จะเรียกความมั่นใจของประชาชนกลับมาได้อีกครั้ง สำหรับประเทศไทยนั้นเชื่อว่าเราได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วเมื่อช่วงเดือน มี.ค. – เม.ย. ที่ผ่านมา คาดว่าถ้าจากนี้ไม่มีการกลับมาระบาดของเชื้อไวรัสอีกครั้ง เศรษฐกิจไทยและธุรกิจรับสร้างบ้านก็น่าฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง
“แต่เราก็เชื่อมั่นว่า เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง ลูกค้าจะกลับมาปลูกสร้างบ้านอีกครั้ง เนื่องจาก ธุรกิจรับสร้างบ้านจะเป็นกลุ่มลูกค้าเฉพาะ เป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ ที่มีการเตรียมตัวและวางแผนปลูกสร้างบ้านในระยะยาว ทั้งนี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น อาจจะส่งผลต่อความวิตกกังวลด้านความปลอดภัยเป็นหลัก เพราะแม้ในช่วงของการล็อกดาวน์ ก็ยังมีลูกค้าติดต่อสอบถามข้อมูลการสร้างบ้านอยู่ตลอดเวลา”
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบิวท์ฯ ในด้านงานก่อสร้างยังคงดำเนินงานได้ตามปกติ เนื่องจากมีงานที่ได้ทำการเซ็นสัญญาปลูกสร้างกับทางลูกค้า และงานที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง (Backlog) จำนวนมาก ทำให้งานก่อสร้างสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนของแรงงาน ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เนื่องจากแรงงานยังคงอยู่และไม่ได้เดินทางกลับบ้าน จึงทำให้ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีผลการดำเนินงานในส่วนงานก่อสร้างที่มากขึ้นกว่าทุกๆ ปี
ขณะที่แผนงานการตลาดนั้น ตรงนี้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19อย่างแน่นอน โดยลูกค้าชะลอการตัดสินใจเซ็นสัญญาปลูกสร้างบ้านออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่เราก็เข้าใจได้ และเชื่อว่าหากสถานการณ์กลับมาสู่ปกติ ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวจะกลับมาปลูกสร้างบ้านตามเดิม
“ที่ผ่านมา ได้เน้นทำการตลาดแบบเชิงรุก โดยนำระบบ Digital Marketing เข้ามาใช้ติดต่อสื่อสารกับลูกค้ามาสร้างบ้านแล้วระยะหนึ่ง ซึ่งสถานการณ์ในครั้งนี้ทำให้เราได้เดินหน้าสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างเต็มตัวมากขึ้น ในการรับมือกับสถานการณ์ และตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าในภาวะวิกฤตนี้ ที่รับข้อมูลข่าวสารผ่านทาง Social Media การอัพเดทข้อมูลโปรโมชั่นการตลาด และสร้างการรับรู้ การจดจำในแบรนด์ให้แก่ลูกค้า”
ในส่วนของแผนการตลาดจากนี้ เพื่อให้สอดรับกับวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ในยุคโควิด-19 นั้น จะยังคงทำการตลาดเชิงรุกและให้น้ำหนักในรูปแบบ Digital Marketing มากขึ้น เพื่อการเข้าถึงและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าได้มากอย่างครอบคลุม และหากสถานการณ์ดีขึ้น จนทำให้ภาครัฐค่อยๆคลายล็อกดาวน์ สามารถจัดงานแสดงสินค้าได้นั้น กลุ่มบริษัทฯ ยังได้วางแผนกิจกรรมในรูปแบบของการออกบูธไว้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี.