‘ไนท์แฟรงค์’ห่วงยอดโอนคอนโดฯสะดุดเซ่นโควิด
นางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯว่า ในระยะเวลา 9 เดือนที่เหลืออยู่ของปีนี้ การเปิดขายคอนโดฯใหม่จะชะลอตัวลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการคอนโดฯขนาดใหญ่ และคอนโดฯที่เป็นระดับราคาสูง หรือ โครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาในการพัฒนาโครงการนานกว่า 5 ปี และที่เน้นขายนักลงทุนและชาวต่างชาติ แต่รูปแบบการทำตลาดจะปรับมาเน้นเปิดขายโครงการคอนโดฯที่เจาะกลุ่มผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) ระดับราคาขายจะอยู่ที่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.)
“แนวโน้มทั้งซัพพลายและดีมานด์จะชะลอตัวลง และคาดการณ์จะใช้เวลาอีกถึง 2 ปี กว่าตลาดคอนโดฯจะกลับมาดีขึ้น เนื่องจากจำนวนหน่วยเหลือขายคอนโดฯในกรุงเทพฯมีเป็นจำนวนมากเกือบ 100,000 หน่วย และการที่ผู้ประกอบการชะลอเปิดขายโครงการ เป็นผลดีกับสต๊อกคอนโดฯในเมือง ที่จะมีเวลาระบายสินค้าคงค้างให้ออกไปได้ การลดเปิดโครงการใหม่ ย่อมส่งผลให้ภาวะการแข่งขันมีความรุนแรงลดลง ในส่วนของคอนโดฯที่สร้างเสร็จในปีนี้ พบว่าผู้ประกอบการพยายามลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งปัจจุบันตลาดเป็นของผู้ซื้อ ทำให้ผู้ซื้อมีอำนาจในการต่อรอง เพื่อให้ได้ราคาที่ต่ำลง และจะส่งผลดีสามารถขายต่อได้ราคาที่ดีในอนาคตเมื่อเศรษฐกิจฟื้นคืนชีพ”
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 63 ตลาดคอนโดฯชะลอตัวในแง่ทั้งอุปทาน และ อุปสงค์ อันเนื่องมาจากสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 และจากการรวบรวมข้อมูลคอนโดฯเปิดขายใหม่ ณ สิ้นเดือนมีนาคม พบว่าปี 2563 ทั้งปีน่าจะมีคอนโดฯเปิดขายใหม่ประมาณ 11,000 -12,000 หน่วย ลดลงจากที่ประมาณการณ์ไว้เมื่อต้นปีที่ 20,000 หน่วย หรือลดลงถึง 80 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยในช่วง 8 ปี ที่ผ่านมา คอนโดฯเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯเฉลี่ยปีละ 60,000 หน่วย ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ พบว่ามีจำนวนหน่วยเปิดขายไปแล้วประมาณ 6,007 หน่วย ลดลงในอัตรา 53.4 % หากเทียบกับไตรมาสแรกของปี62 สาเหตุหลักของการที่อุปทานใหม่ลดลงอันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19
อย่างไรก็ตาม การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้กำลังซื้อลดลงอย่างชัดเจน จำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีเพียง 1,791 หน่วย จากที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสแรกปี 63 จำนวนทั้งสิ้น 6,007 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ 30 % ลดลง 9 % หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 และลดลง 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และยังมีประเด็นความกังวลในเรื่องยอดโอนคอนโดฯที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมที่จะโอนในปีนี้ เนื่องจากการประกาศล็อคดาวน์ทั่วประเทศ แน่นอนว่าในช่วงที่ธุรกิจต่างๆหยุดการดำเนินงาน ย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานของบุคคลากรในองค์กรธุรกิจต่างๆ ไปด้วย ผลที่ตามมาคือ ในบางธุรกิจที่มีการลดการจ้างงาน และลดเงินเดือนของพนักงานทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องตกงาน ขาดรายได้ หรือมีรายได้ที่ลดลง ซึ่งเมื่อถึงเวลาโอนอาจจะทำไม่ได้อัน เนื่องมาจากการที่ธนาคารเพิ่มความระมัดระวัง ในการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น และเชื่อว่ายอดปฏิเสธสินเชื่อมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในปีนี้.