ESTAR ฝ่าโควิดผุด 5 โครงการมูลค่า6,000ลบ.
“อีสเทอร์น สตาร์ฯ” ปรับกลยุทธ์สู้วิกฤตโควิด-19 ชูการขายออนไลน์ 24 ชั่วโมง พร้อมเดินหน้าเปิด 5 โครงการใหม่ ทั้งโครงการคอนโดฯในเมืองและโครงการแนวราบที่อ.บ้านฉางรวมมูลค่า 6,000 ล้านบาท
ดร.ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 ว่า เป็นปีที่ผู้ประกอบการ ต้องปรับตัวอย่างมาก เพราะนอก จากสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างซึมเซา ยังมีปัจจัยลบที่ค่อนข้างรุนแรงคือ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมไปถึงการลงทุนในตลาดคอนโดฯ ของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่หดตัวรวมทั้งความหวาดกลัวต่อสถานการณ์ของลูกค้าชาวไทยเอง นอกจากการส่งมอบห้องชุดแก่ลูกค้าชาวจีนที่ซื้อห้องชุดไปก่อนหน้านี้อาจได้รับผลกระทบทำให้โอนได้ล่าช้าขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยบวกอยู่บ้าง
“จากสถานการณ์ดังกล่าว อีสเทอร์น สตาร์ฯ ได้เพิ่มช่องทางขายแบบ 24 Hrs. online booking พรีเซลแบบออนไลน์ 100 % เพื่อเปิดขายทางช่องทางออนไลน์ 24 ชม. และมีการทำ VR360 องศา ของห้องตัวอย่างเหมือนจริง ส่งให้ลูกค้าชมห้องตัวอย่างที่บ้านได้ง่าย โดยไม่ต้องเดินทางมาเซลล์ออฟฟิศ”
สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทคงเปิดตัวโครงการใหม่ 4-5 โครงการ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 2-3 โครงการ ในเบื้องต้นจะเปิดตัวคอนโดฯภายใต้แบรนด์ “ควินทารา”จำนวน 2โครงการ คือ โครงการควินทารา คีเนท รัชดา 12 , ควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 ระดับราคาขายเริ่มต้น 3-7 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าในตลาดกลาง-บน สำหรับโครงการภายใต้แบรนด์ควินทารานี้ จะเป็นโครงการที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทฯ ส่วนโครงการแนวราบ จะเป็นการพัฒนาในพื้นที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง 2 โครงการ
ในส่วนของผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา บริษัทฯเปิดตัวโครงการแบรนด์ควินทาราภายใต้ชื่อ โครงการควินทารา อาเท่ สุขุมวิท 52 คอนโดโลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 154 ยูนิต มูลค่า 600 ล้านบาท และแบรนด์เอสทารา 1 โครงการ คือ โครงการเอสทารา เฮเว่น พัฒนาการ 20 โครงการบ้านแฝด 3 ชั้น และทาวน์โฮม 3.5 ชั้น จำนวน 152 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 7.89 ล้านบาท มูลค่า 1,500 ล้านบาท โดยทั้งสองโครงการมียอดขาย 80% และ 50% ของส่วนที่เปิดขาย ส่วนโครงการควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 คอนโดมูลค่า 1,500 ล้านบาท ที่เปิดปี61จะเปิดให้ชมห้องจริงกลางปีนี้
“เป้ารายได้ปีนี้ เดิมตั้งเป้าหมายรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท และยอดขายราว 1,500-2,000 ล้านบาท แต่ผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด19 อาจจะต้องมาปรับประมาณการอีกครั้ง คาดว่าหลังไตรมาส2นี้น่าจะเห็นความชัดเจน ขณะที่ในปี 62 ที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายได้ 1,500 ล้านบาทและมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 1,300 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทฯมีมีสินค้าที่ขายไปแล้ว รอการรับรู้รายได้กว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนภายในปีนี้ 1,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะโอนในปีถัดไป”.