“อุตตม” กับความคิดลึกๆ ภาวะ New Normal
ภาวะความปกติใหม่ (New Normal) หลังวิกฤตไวรัสโควิด-19 ย่อมสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อวิถีชีวิตผู้คน และเป็นสิ่งที่คนไทยต้องรับรู้และปรับตัว แต่ในทางการเมืองแล้ว ความหมายนี้…มีอะไรซ่อนเร้นหรือไม่? ต้องถามตรงกับ “อุตตม สาวนายน” คนที่โพสต์เรื่องนี้ผ่านเฟสบุ๊กตัวเอง
ท่ามกลางกระแสข่าวลือ “เปลี่ยนม้ากลางศึก” ที่แกนนำบางกลุ่มในพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ที่พยายามกดดันให้ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน หลุดออกจากตำแหน่ง…หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
ด้วยเหตุผล…ทั้งนายอุตตมและนายสนธิรัตน์ ขาดความผูกพันและเชื่อมโยงกับ ส.ส.ของพรรคฯ นับแต่เป็นรัฐบาล จนถึงวันที่ ส.ส.ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
ทว่าเสียงส่วนใหญ่ในพรรคฯ กลับไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว เพราะไม่เชื่อว่า…คนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคฯคนใหม่ อย่าง…พล.อ.ประวิตร และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง มีศักยภาพมากพอจะขับเคลื่อนทำการงาน ทั้งในระดับพรรคและระดับรัฐบาลได้ โดยเฉพาะมิติด้านเศรษฐกิจที่เป็นหัวใจสำคัญและจุดขายของรัฐบาลชุดนี้
ตราบใดที่ การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคฯยังไม่เกิดขึ้น ความพยายามที่จะล็อบบี้…ทั้ง กรรมการบริหาร สมาชิกพรรคและคนกลุ่มอื่นๆ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ในพรรคพลังประชารัฐ ที่แม้จะยังมีต่อไป แต่คงไม่อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้
มีนักข่าวไปถามเรื่องนี้ กับ พล.อ.ประวิตร คำตอบที่ได้ เป็นไปในทำนอง…“ไม่มี เป็นไปไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงอยู่ที่การประชุมคณะกรรมการบริหารของพรรคฯ แต่ตอนนี้ยังไม่มีการประชุมฯ เอาเรื่องโควิด-19 ให้จบไปก่อน”
ขณะที่ หัวหน้าพรรคฯ อย่าง นายอุตตม กลับพูดอีกอย่าง…“เหตุการณ์ทางการเมือง ถ้ามีขอให้เป็นเรื่องของการเมือง ส่วนตัวของผมขอทำงานในเรื่องที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนในสถานการณ์โควิด-19 และเรื่องที่เกี่ยวเนื่องต่อไป วันนี้ต้องให้ความสำคัญอันนั้นก่อน ยืนยันว่า ไม่กระทบการทำงาน เพราะผมมุ่งมั่นส่วนนั้น ส่วนที่เป็นข่าวจะมีอะไร ใครไปพูดจากับกรรมการบริหารท่านไหน ท่านก็ต้องไปดู ผมก็ได้ข่าวมาเช่นเดียวกัน ว่ามีการพูดจาเช่นนั้นอยู่บ้าง”
ต้องยอมรับว่า…นายอุตตม และนายสนธิรัตน์ ต่างทำงานอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะภารกิจช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ดูแล้ว…ไม่ได้ด้อยค่าไปกว่าการทำงานของรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลงานด้านสาธารณสุขแต่อย่างใด
เบื้องหลังของ 2 คนนี้ คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และเบื้องหลังของนายสมคิด ก็คือคนที่ชื่อ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่วันนี้…ในฐานะ ผอ.ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. สามารถจะกำหนดทิศทางของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กระทั่ง “ไฟเขียว” ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ออกไปอีก 1 เดือน
เมื่อเบื้องหลังของเบื้องหลัง…แน่นปึ่ก! ขนาดนี้ ก็ไม่แปลกที่ นายอุตตม และนายสนธิรัตน์ จะมีขวัญและกำลังใจในการทำงาน เหมือนเมื่อครั้งที่ทั้งคู่ สู้อุตส่าห์เดินทางสายหาเสียงทั่วประเทศ ชนิดแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน และเป็นอีกเหตุผลสำคัญทำให้หลายคนในพรรคฯ ได้เป็น ส.ส. และมีตำแหน่งในรัฐบาลในทุกวันนี้
ล่าสุด ราว 2 ทุ่มเศษของคืนวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็น นายอุตตม ที่โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กของตัวเองที่ชื่อ “ดร.อุตตม สาวนายน” โดยระบุข้อความสำคัญที่ว่า…เดินหน้าเพื่อพี่น้องชาวไทย สู่ยุค New Normal
นายอุตตม โพสต์ว่า…“สวัสดีครับ วันนี้ขอยกคำว่า New Normal มาเชื่อมโยงนิดหน่อย คือ เรื่องนี้มีคนพูดกันมากว่า วิกฤตโควิด-19 ทำให้โลกใบนี้เข้าสู่ภาวะปกติใหม่ ประเทศไทยก็เช่นกัน
คำว่า New Normal หรือ ภาวะปกติใหม่ เข้าใจง่ายๆ คือ ต่อไปนี้หลายๆ อย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมคน ชีวิตความเป็นอยู่ การทำมาหากิน การค้าขาย ฯลฯ เพราะทุกคนต้องปรับตัวจากสถานการณ์ที่บีบรัด จนกลายเป็นเรื่องปกติไปในที่สุด
สิ่งเหล่านี้เป็นที่ทราบกันดี แต่ใครบ้างที่จะก้าวทันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และอยู่ต่อไปได้ ซึ่งรัฐบาลเองก็มีการเตรียมตัวในเรื่องนี้ ในการจะนำพาพี่น้องประชาชน นำพาประเทศเข้าสู่โลกใหม่ใบเดิมที่กว่านี้
กรณีล่าสุดวันนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิส – 19 โดยมี 2 มาตรการหลักที่สำคัญ คือ
1.มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในกลุ่มอาชีพต่างๆ เดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน จำนวนทั้งสิ้น 16 ล้านคน รวมวงเงินงบประมาณไม่เกิน 240,000 ล้านบาท
2.มาตรการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มเกษตรกร ครัวเรือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน จำนวนไม่เกิน 10 ล้านครัวเรือน รวมวงเงินไม่เกิน 150,000 ล้านบาท
ดังที่เคยเรียนให้ทุกท่านทราบว่า รัฐบาลได้พยายามอย่างเต็มที่ในการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติที่เกิดขึ้น โดยมีเป้าหมายให้ครอบคลุมมากที่สุด โดยนอกเหนือจาก 2 มาตรการข้างต้นแล้ว ยังมีมาตรการอื่นๆ อีกหลายมาตรการที่ช่วยเหลือเป็นรายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ฯลฯ ซึ่งกระจายไปตามความรับผิดชอบตามภารกิจของแต่ละกระทรวง
เมื่อมาตรการเยียวยาถึงจุดหนึ่ง ต่อไปก็เป็นคิวของมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก ตรงนี้ครับ ที่จะยึดโยงกับ ภาวะความปกติใหม่ หรือ New Normal ที่กล่าวไว้ในตอนต้น
มาตรการฟื้นฟูที่จะดำเนินการ มีเป้าหมายที่จะสร้างงานสร้างอาชีพ เพื่อความเข้มแข็งของคนในชุมชน เพราะต้องยอมรับว่าพี่น้องจำนวนไม่น้อย ต้องออกจากงานไปเริ่มต้นประกอบอาชีพใหม่ในถิ่นฐานของตัวเอง เช่น จากที่เคยเป็นพนักงานโรงแรม ก็กลับไปอาศัยกับครอบครัว ทำการเกษตร หรือค้าขาย เป็นอาชีพที่ไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องยากอยู่ไม่น้อย
รัฐบาลจึงต้องมีหน้าที่ดูแลพี่น้องเหล่านี้เพื่อให้อยู่ได้กับ ภาวะปกติใหม่ด้วยความรู้ใหม่ เครื่องมือหรือเทคโนโลยีใหม่ เป็นต้น
ผมคงยังไม่ลงในรายละเอียดว่า โครงการจะเป็นอย่างไร แต่บอกเป็นแนวคิดไว้ ที่สำคัญแต่ละโครงการต้องเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ทำให้เศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็ง เพราะเมื่อใดฐานรากเข้มแข็ง กำลังซื้อมหาศาลก็จะเกิดขึ้น ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจประเทศตามมา ขอบคุณครับ
ภาวะความปกติใหม่ หรือ New Normal ที่ นายอุตตม โพสต์บอก…จะมีนัยสำคัญมากกว่าภารกิจในการบริหารบ้านเมือง กระทั่ง ประหนึ่งเป็นการส่งสัญญาณในทางการเมืองหรือไม่? ก็ยากจะคาดเดา…
คงต้องรอให้ถึงวันแห่งการประชุมพรรคพลังประชารัฐเสียก่อน ที่สุดแล้ว…ภาวะความปกติใหม่ หรือ New Normal จะคงไว้หรือสร้างความเปลี่ยนแปลงภายในพรรคแกนนำรัฐบาลหรือไม่? อย่างไร? ได้ลุ้นกันแน่!.