คลังเดินหน้าประกันข้าวนาปี’63 รวม 44.7 ล.ไร่
คลังรับลูกมติ ครม. สั่งเดินเครื่องโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 ปั้มเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวเฟสแรก 30 ไร่ เป็น 44.7 ไร่ หรือราว 75% ของพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีทั่วประเทศ โดยรัฐอุดหนุน 58 บาท/ไร่ ธ.ก.ส.ร่วมอีก 39 บาท/ไร่ เผยชาวนาผ่านเกณฑ์เข้าร่วมโครงการจะได้รับการคุ้มครองทั้ง 2 เฟส เฉลี่ย 1,500 และ 750 บาทต่อไร่
นายลวรณ แสงสนิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2563 ที่ประชุมฯมีมติเห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี (โครงการฯ) ปีการผลิต 2563 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติให้แก่เกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวนาปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับโครงการฯ ปีการผลิต 2563 เป็นการดำเนินโครงการต่อเนื่องจากโครงการฯ ปีการผลิต 2554 – 2562
โดยคงรูปแบบ การรับประกันภัยพื้นฐานในส่วนที่ 1 (Tier 1) ซึ่งภาครัฐให้การอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแก่เกษตรกร และการประกันภัยเพิ่มเติมในส่วนที่ 2 (Tier 2) ซึ่งเป็นการประกันภัยภาคสมัครใจ เพื่อให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ มีส่วนร่วมในการรับภาระค่าเบี้ยประกันภัย ทั้งนี้ โครงการฯ ปีการผลิต 2563 มีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้
1. เพิ่มเป้าหมายสำหรับการเอาประกันภัยพื้นฐานในส่วนที่ 1 (Tier 1) จาก 30 ล้านไร่ ในปีการผลิต 2562 เป็น 44.7 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 75 ของพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีทั่วประเทศ แบ่งเป็น
(1) เกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกราย จำนวนไม่เกิน 28 ล้านไร่
(2) เกษตรกรทั่วไปในพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีที่มีความเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติต่ำ 594 อำเภอ จำนวนไม่เกิน 15.7 ล้านไร่
และ (3) เกษตรกรทั่วไปในพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีมีความเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติปานกลางและสูง จำนวนไม่เกิน 1 ล้านไร่ และกำหนดเป้าหมายการประกันภัยเพิ่มเติมในส่วนที่ 2 (Tier 2) จำนวน 1 ล้านไร่
2. คงรูปแบบและประเภทภัยที่ได้รับการคุ้มครองเช่นเดียวกับโครงการฯ ในปีการผลิต 2562 โดยการรับประกันภัยพื้นฐานในส่วนที่ 1 (Tier 1) มีวงเงินความคุ้มครองสูงสุด 1,260 บาทต่อไร่ สำหรับภัยธรรมชาติทั้งหมด 7 ประเภท ได้แก่ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และภัยช้างป่า และวงเงินความคุ้มครองสูงสุด 630 บาทต่อไร่ สำหรับภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด
สำหรับ เกษตรกรที่เอาประกันภัยในส่วนที่ 2 (Tier 2) จะได้รับวงเงินความคุ้มครอง 240 บาทต่อไร่ สำหรับภัยธรรมชาติทั้งหมด 7 ประเภทดังกล่าว และวงเงินความคุ้มครองเพิ่มเติม 120 บาทต่อไร่สำหรับภัยศัตรูพืชและโรคระบาด ทั้งนี้ เมื่อรวมวงเงินความคุ้มครองส่วนที่ 1 (Tier 1) และ ส่วนที่ 2 (Tier 2) แล้ว จะได้รับความคุ้มครอง 1,500 และ 750 บาทต่อไร่ ตามลำดับ
3. รัฐบาลอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้แก่เกษตรกรทุกรายสำหรับการประกันภัยในส่วนที่ 1 (Tier 1) ในอัตรา 58 บาทต่อไร่ และอุดหนุนเพิ่มเติมในส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์ทั้งหมด คิดเป็นงบประมาณรวม 2,910,391,000 บาท และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะให้การอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้แก่เกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปี ในอัตรา 39 บาทต่อไร่
ทั้งนี้ โครงการฯ ปีการผลิต 2563 สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันทีหลังได้รับการอนุมัติโดยมติ ครม.แล้ว.